วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

กาละทานะสุตตะคาถา

กาละทานะสุตตะคาถา
กาเล  ทะทันติ  สะปัญญา                                        วะทัญญู   วีตะมัจฉะรา
กาเลนะ  ทินนัง  อะริเยสุ                                         อุชุภูเตสุ  ตาทิสุ
วิปปะสันนะมะนา  ตัสสะ                                      วิปุลา  โหติ  ทักขิณา
เย  ตัตถะ  อะนุโมทันติ                                            เวยยาวัจจัง  กะโรนติ  วา
นะ  เตนะ  ทักขิณา  โอนา                                       เตปิ  ปุญญัสสะ  ภาคิโน
ตัสํมา  ทะเท  อัปปะวานะจิตโต                            ยัตถะ  ทินนัง  มะหัปผะลัง

ปุญญานิ   ปะระโลกัสํมิง                                        ปะติฎฐา  โหนติ  ปาณินันติฯ
แปล
ทายกทั้งหลายเหล่าใด, เป็นผู้มีปัญญามีปรกติรู้จักคำพูด ปราศจากตระหนี่ มีใจเลื่อมใสแล้วในพระอริยะเจ้าทั้งหลาย ซึ่งเป็นผู้ตรงคงที่, บริจาคทานทำให้เป็นของที่ตนถวายโดยกาลนิยมในกาลสมัย, 
ทักษิณาของทายกนั้นเป็นคุณสมบัติ มีผลไพบูลย์  ชนทั้งหลายเหล่าใดอนุโมทนา หรือช่วยกระทำการขวนขวายในทานนั้น  ทักษิณาทานของเขามิได้บกพร่องไป ด้วยเหตุนั้น 
ชนทั้งหลายแม้เหล่านั้นย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญนั้นด้วย  เหตุนั้น ทายกควรเป็นผู้มีจิตไม่ท้อถอย, ให้ในที่ใดมีผลมากควรให้ในที่นั้น บุญย่อมเป็นที่พึ่งอาศัยของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า ฉะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น