อัชชะ โภนโต ปักขัสสะ อัฏฐะมีทิวะโส (ถ้าวันพระ ๑๕
ค่ำ ว่าปัณณะระสีทิวะโส ๑๕ ค่ำว่า จาตุททะสีทิวะโส) เอวะรูโป โข โภนโต ทิวะโส
พุทเธนะ ภะคะวะตา ปัญญัตตัสสะ ธัมมัสสะวะนัสสะ เจวะ ตะทัตถายะ อุปาสะกะอุปาสิกานัง
อุโปสถัสสะ จะ กาโล โหติ หันทะ มะยัง โภนโต สัพเพ อิธะ สะมาคะตา ตัสสะ ภะคะวะโต
ธัมมานุธัมมะปะฏิปัตติยา ปูชะนัยถายะ อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง
อุโปสะถัง อุปะวะสิสสามาติ กาละปะริจเฉหัง กัตวา ตัง ตัง เวระมะณิง อารัมมะณัง
กะริตวา อะวิกขิตตะจิตตา หุตวา สักกัจจัง อุโปสะถัง สะมาทิเยยยามะ อีทิสัง หิ
อุโปสะถัง สัมปัตตานัง อัมหากัง ชีวิตัง มา นิรัตถะกัง โหตุ
คำแปล
ขอประกาศเริ่มเรื่องความที่จะสมาทานรักษาอุโบสถ
อันพร้อมไปด้วยองค์แปดประการ ให้สาธุชนที่ได้ตั้งจิตสมาทานทราบทั่วกันก่อน
แต่สมาทาน ณ บัดนี้ ด้วยวันนี้ เป็น วันอัฏฐะมีดิถีที่แปด (ถ้าวันพระ ๑๕ ค่ำว่า
วันปัณณะระสีดิถีที่สิบห้า ๑๔ ค่ำว่า วันจาตุททะสีดิถีที่สิบสี่)
แห่งปักษ์มาถึงแล้ว ก็แหละวันเช่นนี้
เป็นกาลที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบัญญัติแต่งตั้งไว้ให้ประชุมกันฟังธรรมและเป็นกาลที่จะรักษาอุโบสถของ
อุบาสกอุบาสิกา ทั้งหลายเพื่อประโยชน์แก่การฟังธรรมนั้นด้วย
เชิญเถิดเราทั้งหลายทั้งปวงที่ได้มาประชุมพร้อมกัน ณ ที่นี้
พึงกำหนดกาลว่าจะรักษาอุโบสถตลอดวันหนึ่งกับคืนหนึ่งนี้ แล้วพึงทำความเว้นโทษนั้น
ๆ เป็นอารมณ์ คือ
- เว้นจากฆ่าสัตว์ ๑
- เว้นจากลักฉ้อสิ่งที่เจ้าของเขาไม่ให้ ๑
- เว้นจากประพฤติกรรมที่เป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์
๑
- เว้นจากเจรจาคำเท็จล่อลวงผู้อื่น ๑
- เว้นจากดื่มสุราเมรัยอันเป็นเหตุที่ตั้งแห่งความประมาท
๑
- เว้นจากบริโภคอาหาร
ตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์เที่ยงแล้วไปจนถึงเวลาอรุณขึ้นมาใหม่ ๑
- เว้นจากฟ้อนรำขับร้องและประโคมเครื่องดนตรีต่าง
ๆ แต่บรรดาที่เป็นข้าศึกแก่บุญกุศลทั้งสิ้น และทัดทรงประดับตกแต่งร่างกายด้วยดอกไม้ของหอม
เครื่องประดับเครื่องทา เครื่องย้อม ผัดผิด ทำกายให้วิจิตรงดงามต่างๆ อันเป็นเหตุที่ตั้งแห่งความกำหนัดยินดี
๑
- เว้นจากนั่งนอนเหนือเตียงตั่งม้าที่มีเท้าสูงเกินประมาณ
และที่นั่งที่นอนใหญ่ ภายในมีนุ่มและสำสี และเครื่องปูลาดที่วิจิตรด้วยเงินและทองต่าง
ๆ ๑
อย่าให้มีจิตฟุ้งซ่านส่งไปอื่น
พึงสมาทานเอาองค์อุโบสถทั้งแปดประการโดยเคารพ เพื่อจะบูชาสมเด็จ พระผู้มีพระภาค
พระพุทธเจ้านั้น ด้วยธรรมมานุธรรมปฏิบัติ อนึ่ง
ชีวิตของเราทั้งหลายที่ได้เป็นอยู่รอดมาถึงวันอุโบสถเช่นนี้ จงอย่าได้ล่วงไปเสียเปล่าจากประโยชน์เลย
(เมื่อหัวหน้าประกาศจบแล้ว
พระสงฆ์ผู้แสดงธรรมขึ้นนั่งบนธรรมาสน์อุบาสกอุบาสิกพึงนั่งคุกเข่ากราบพร้อมกัน ๓
ครั้ง แล้วกล่าวคำอาราธนาอุโบสถศีลพร้อมกัน ว่าดังนี้)
มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ
อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถัง ยาจามะ (ว่า ๓ จบ)
ต่อนี้ คอยตั้งใจรับสรณคมน์และศีลโดยเคารพ
คือประนมมือ ว่าตามคำที่พระสงฆ์บอกเป็นตอน ๆ ว่า
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓
จบ) ........พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
เมื่อพระสงฆ์ว่า ติสะระณะคะมะนัง นิฏฐิตัง
พึงรับพร้อมกันว่า อามะ ภันเต
๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาประทัง สะมาทิยามิ
๒. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๓. อะพรัหมะจริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๖. วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๗. นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะ
มัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
๘.
อุจจาสะยะนะมะสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
อิมัง อัฏฐังคะสะมันนาคะตัง, พุทธะปัญญัตตัง
อุโปสะถัง, อิมัญจะ รัตติง อิมัญจะ ทิวะสัง, สัมมะเทวะ อะภิรักขิตุง สะมาทิยามิ (หยุดรับเพียงเท่านี้) ตอนนี้
พระสงฆ์จะว่า อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะทานิ อุโปสะถะวะเสนะ มะนะสิกะริตวา สาธุกัง อัปปะมาเทนะ
รักขิตัพพานิ (พึงรับ
พร้อมกันว่า) อามะ ภันเต
(พระสงฆ์ว่าต่อ)
สีเลนะ สุคะติง ยันติ สีเลนะ โภคะสัมปะทา
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ตัสมา สีลัง วิโสธะเย
พึงกราบพร้อมกัน ๓ ครั้ง
ต่อนี้นั่งรอบพับเพียบประนมมือฟังธรรม
เมื่อจบแล้วพึงให้สาธุการและสวดประกาศตนพร้อมกัน ดังนี
สาธุ สาธุ สาธุ
อะหัง
พุทธัญจะ ธัมมัญจะ สังฆัญจะ สะระณัง คะโต (หญิงว่า คะตา)
อุปาสะกัตตัง (หญิงว่า อุปาสิกัตตัง) เทเสสิง ภิกขุสังฆัสสะ สัมมุขา
เอตัง เม สะระณัง เขมัง เอตัง สะระณะมุตตะมัง
เอตัง สะระณะมาคัมมะ สัพพะทุกขา ปะมุจจะเย
ยะถาพะลัง จะเรยยาหัง สัมมาสัมพุทธะสาสะนัง
ทุกขะนิสสะระณัสเสวะ ภาคี อัสสัง (หญิงว่า ภาคินิสสัง) อะนาคะเต ฯ
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะวา วา
ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ ฯ