วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กรรมวาจาเนื่องด้วยสีมา

กรรมวาจาเนื่องด้วยสีมา
คำสวดถอนติจีวราวิปปวาส
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ, โย โส สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส สัมมะโต, ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลป์ลัง, สังโฆ ตัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง สะมูหะเนยยะ, เอสา ญัตติ,
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ, โย โส สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส สัมมะโต, สังโฆ ตัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง สะมูหะนะติ. ยัสสายัสมะโต, ขะมะติ เอตัสสะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัสสะ สะมุคฆาโต, โส ตุณหัสสะ, ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ.

สะมูหะโต โส สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส, ขะมะติ สังฆัสสะ, ตัสมา ตุณหี, เอวะเมตัง ธาระยามิ.
คำสวดถอนสมานสังวาสสีมา

       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา, ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง. สังโฆ ตัง สีมัง สะมูหะเนยยะ เอสา ญัตติ.
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา, สังโฆ ตัง สีมัง สะมูหะนะติ, ยัสสายัสมะโต ขะมะติ เอติสสา สีมายะ สะมานะสังวาสายะ เอกุโปสะถา สะมุคฆาโต, โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ,
       สะมูหะตา สา สีมา สังเฆนะ สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา. ขะมะติ สังฆัสสะ, ตัสมา ตุณหี, เอวะเมตัง ธาระยามิ.

คำสมมติสมานสังวาสสีมา
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ ยาวะตา สะมันตา นิมิตตา กิตติตา ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลป์ลัง. สังโฆ เอเตหิ นิมิตเตหิ สีมัง สัมมันเนยยะ สะมานะสังวาสัง เอกุโปสะถัง. เอสา ญัตติ.
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ ยาวะตา สะมันตา นิมิตตา กิตติตา, สังโฆ เอเตหิ นิมิตเตหิ สีมัง สัมมันนะติ สะมานะสังวาสัง เอกุโปสะถัง. ยัสสายัสมะโต ขะมะติ เอเตหิ นิมิตเตหิ สีมายะ สัมมะติ สะมานะสังวาสายะ เอกุโปสะถายะ, โส ตุณหัสสะ, ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ
       สัมมะตา สีมา สังเฆนะ เอเตหิ นิมิตเตหิ สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา. ขะมะติ สังฆัสสะ. ตัสมา ตุณหี, เอวะเมตัง ธาระยามิ

คำสมมติติจีวราวิปปวาส

       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา, ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง. สังโฆ ตัง สีมัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง สัมมันเนยยะ ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ, เอสา ญัตติ.
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา, สังโฆ ตัง สีมัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง สัมมันนะติ ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ, ยัสสายัสมะโต ขะมะติ เอติสสา สีมายะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาตัสสะ สัมมะติ ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ, โส ตุณหัสสะ, ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ.
       สัมมะตา สา สีมา สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ, ขะมะติ สังฆัสสะ, ตัสมา ตุณหี, เอวะเมตัง ธาระยามิ.

คำทักนิมิต

ในทิศตะวันออก ว่า ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง
ในทิศตะวันออกเฉียงใต้ ว่า ปุรัตถิมายะ อะนุทิสายะ กิง นิมิตตัง
ในทิศใต้ ว่า ทักขิณายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง
ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ ว่า ทักขิณายะ อะนุทิสายะ กิง นิมิตตัง
ในทิศตะวันตก ว่า ปัจฉิมายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง
ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ว่า ปัจฉิมายะ อะนุทิสายะ กิง นิมิตตัง
ในทิศเหนือ ว่า อุตตะรายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง
ในทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า อุตตะรายะ อะนุทิสายะ กิง นิมิตตัง
ซ้ำในทิศตะวันออกอีก ว่า ปุรัตถิมายะ ทิสายะ กิง นิมิตตัง
คำตอบ
แสดงศิลานิมิตเป็นตัวอย่าง ว่า ปาสาโณ ภันเต

คำสมาทานธุดงค์

คำสมาทานธุดงค์

๑. ถือทรงผ้าบังสุกุลเป็นวัตร ว่า คะหะปะติจีวะรัง ปะฏิกขิปามิ ปังสุกูลิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดคหบดีจีวรเสีย สมาทานองค์ของ ผู้ถือซึ่งผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
๒. ถือทรงเพียงไตรจีวรเป็นวัตร ว่า จะตุตถะจีวะรัง ปะฏิกขิปามิ เตจีวะริกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดจีวรผืนที่สี่เสีย สมาทานองค์ของ ผู้ถือซึ่งไตรจีวรเป็นวัตร
๓. ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร ว่า อะติเรกะลาภัง ปะฏิกขิปามิ ปิณฑะปาติกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดอติเรกลาภเสีย สมาทาน องค์ของผู้ถือบิณฑบาตเป็นวัตร
๔. ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามแถวเป็นวัตร ว่า โลลุปปะจารัง ปะฏิกขิปามิ สะปะทานะจาริกกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดการเที่ยวโลเลเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือเที่ยวบิณฑบาตไปตามแถวเป็นวัตร
๕. ถือนั่งฉันอาสนะเดียวเป็นวัตร ว่า นานาสะนะโภชะนัง ปะฏิกขิปามิ เอกาสะนิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดฉันต่างอาสนะเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือนั่งฉันอาสนะเดียวเป็นวัตร
๖. ถือฉัน เฉพาะใน บาตรเดียวเป็นวัตร ว่า ทุติยะภาชะนัง ปะฏิกขิปามิ ปัตตะปิณฑิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดภาชนะที่สองเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการฉันเฉพาะในบาตรเป็นวัตร
๗. ถือห้ามภัต อันนกถวายเมื่อภายหลังเป็นวัตร ว่า อะติริตตะโภชะนัง ปะฏิกขิปามิ ขะลุปัจฉาภัตติกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางด โภชนะอันเหลือเฟือเสีย สมาทานองค์แห่งผู้ห้ามภัตอันนำถวายเมื่อภายหลัง เป็นวัตร
๘. ถืออยู่ป่าเป็นวัตร ว่า คามันตะเสนะสะนัง ปะฏิกขิปามิ อารัญญิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดเสนาสนะชายบ้านเสีย สมาทาน องค์แห่งผู้ถือการอยู่ป่าเป็นวัตร
๙. ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร ว่า ฉันนัง ปะฏิกขิปามิ รุกขะมูลิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดที่มุงที่บังเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการอยู่โคนไม้ เป็นวัตร
๑๐. ถืออยู่ในที่แจ้งเป็นวัตร ว่า ฉันนัญจะ รุกขะมูลัญจะ ปะฏิกขิปามิ อัพโภกาสิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดที่มุงที่บัง และโคนไม้เสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการอยู่ในที่แจ้งเป็นวัตร
๑๑. ถืออยู่ป่าช้าเป็นวัตร ว่า อะสุสานัง ปะฏิกขิปามิ โสสานิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดที่มิใช่ป่าช้าเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการอยู่ป่าช้า เป็นวัตร
๑๒. ถือการอยู่ใน เสนาสนะอันท่านจัดให้อย่างไรเป็นวัตร ว่า  เสนาสะนะโลลุปัง ปะฏิกขิปามิ ยะถาสันถะติกังคัง สะมาทิยามิ  แปลว่า เรางดความโลเลในเสนาสนะเสีย สมาทานองค์ของผู้อยู่ในเสนาสนะ อันท่านจัดให้อย่างไร

๑๓. ถือการนั่งเป็นวัตร ว่า เสยยัง ปะฏิกขิปามิ เนสัชชิกังคัง สะมาทิยามิ แปลว่า เรางดการนอนเสีย สมาทานองค์ของผู้ถือการนั่งเป็นวัตร

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ปริวาสกรรม

ปริวาสกรรม
อย่างจุลสุทธันตะ
(มีคำขอ คำสมาทาน คำเก็บ และกรรมวาจา ครบ)

คำขอสุทธันตปริวาส
อย่างจุลสุทธันตะ

อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ นิพเพมะติโก
โสหัง ภันเต สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจามิ.
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง สะรามิ เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันตุ เอกัจจัง สะรามิ เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โสหัง ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสังยาจามิ.

อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตตปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก

โสหัง ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสังยาจามิ.
กรรมวาจาให้สุทธันตะปริวาส

สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. อยัง อิตถันนาโม
ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกจจัง นะ ชานราติ
อาปัจจิปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจะติ
ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน
ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ทะเทยยะ เอสา ญัตติ.
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง อิตถันนาโม
ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระรติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจะติ
สังโฆ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง
สุทธันตะปะริวาสัง เทติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัสสะ
ทานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ
ทุติยัมปิ เอตะมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ
อะยัง อิตถันนาโม ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจเจ นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจะติ
สังโฆ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง
สุทธันตะปะริวาสัง เทติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัสสะ
ทานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ
ตะติยัมปิ เอตะมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ
อยัง อิตถันนาโม ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ 
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจะติ
สังโฆ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง
สุทธันตะปะริวาสัง เทติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อัตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัสสะ
ทานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ.
ทินโน สังเฆนะ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง
อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาโส ขะมะติ สังฆัสสะ
ตัสมา ตุณหี เอวะเมตัง ธาะยามิ.

คำสมาทานปริวาส

ปะริวาสัง สะมาทิยามิ วัตตัง สะมาทิยามิ
ทุติยัมปิ ปะริวาสัง สะมาทิยามิ วัตตัง สะมาทิยามิ
ตะติยัมปิ ปะริวาสัง สะมาทิยามิ วัตตัง สะมาทิยามิ
คำขอมานัตต์
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพิเพมะติโก
โสหัง สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โสหัง ภันเต ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจามิ.

อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โสหัง สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โสหัง ปะริวุตถะปะริวาโส ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง
ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง ยาจามิ. 
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โสหัง สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โสหัง ปะริวุตถะปะริวาโส ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง
ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง ยาจามิ.

กรรมวาจาให้มานัตต์
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง อิตถันนาโม
ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะราติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โส ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจะติ ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ
อัตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง
ทะเทยยะ เอสา ญัตติ ฯ
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง อิตถันนาโม
ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
โส ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจะติ สังโฆ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง
อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง เทติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัสสะ
ทานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ ฯ
ทุติยัมปิ เอตะมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ
อะยัง อิตถันนาโม ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โส ปะริวตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจะติ สังโฆ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง
อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง เทติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อิตถันนามัสสะ ภิกขะโน ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัสตัสสะ
ทานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ ฯ

ตะติยัมปิ เอตะมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เภ ภันเต สังโฆ
อะยัง อิตถันนาโม ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โส ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจะติ สังโฆ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง
อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง เทติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัสสะ
ทานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ ฯ
ทินนัง สังเฆนะ อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน
ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง ขะมะติ
สังฆัสสะ ตัสมา ตุณหี เอวะเมตัง ธาระยามิ ฯ


คำสมาทานมานัตต์
มานัตตัง สะมาทิยามิ วัตตัง สะมาทิยามิ
ทุติยัมปิ มานัตตัง สะมาทิยามิ วัตตัง สะมาทิยามิ
ตะติยัมปิ มานัตตัง สะมาทิยามิ วัตตัง สะมาทิยามิ
คำบอกมานัตต์
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันติ เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โสหัง สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โสหัง ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง อะทาสิ
โสหัง มานัตตัง จะรามิ เวทะยามะหัง ภันเต เวทะยะตีติ มัง
สังโฆ ธาเรตุ.
คำเก็บมานัตต์
วัตตัง นิกขิปามิ มานัตตัง นิกขิปามิ
ทุติยัมปิ วัตตัง นิกขิปามิ มานัตตัง นิกขิปามิ 
ตะติยัมปิ วัตตัง นิกขิปามิ มานัตตัง นิกขิปามิ
คำขออัพภาน
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โสหัง สังฆัง ตาสัง อาปัตตินัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อาทาสิ
โสหัง ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง อะทาสิ
โสหัง ภันเต จิณณะมานัตโต สังฆัง อัพภานัง ยาจามิ
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจะ นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจะ นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นะ สะรามิ
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โสหัง สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อาทาสิ
โสหัง ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง อะทาสิ
โสหัง จิณณะมานัตโต ทุติยัมปิ ภันเต สังฆัง อัพภานัง ยาจามิ
อะหัง ภันเต สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิง
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานามิ เอกัจจัง นะ ชานามิ
อาปัตติปะรันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะรามิ เอกัจจัง นะ สะรามิ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โสหัง สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิง 
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตินัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โสหัง ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิง
ตัสสะ เม สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง มานัตตัง อะทาสิ
โสหัง จิณณะมานัตโต ตะติยัมปิ ภันเต สังฆัง อัพภานัง ยาจามิ.

กรรมวาจาให้อัพภาน
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง อิตถันนาโม
ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
โส ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิ ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง อะทาสิ โส จิณณะมานัตโต สังฆัง อัพภานัง ยาจะติ 
ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง สังโฆ อิตถันนามัง ภิกขุง อัพเภยยะ
เอสา ญัตติ ฯ
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ อะยัง อิตถันนาโม
ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันติ เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะราติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจเจ เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง เอปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โส ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิ ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง อะทาสิ โส จิณณะมานัตโร สังฆัง อัพภานัง ยาจะติ
สังโฆ อิตถันนามัง ภิกขุง อัพเภติ ยัสสายัสสมะโต ขะมะติ
อิตถันนามัสสะ ภิกขุโน อัพภานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ
นักขะมะติ โส ภาเสยยะ ฯ
ทุติยัมปิ เอตะมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ
อะยัง อิตถันนาโม ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยังตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจั ง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ 
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ
ตัสสะ โส สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โส ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิ ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง อะทาสิ โส จิณณะมานัตโต สังฆัง อัพภานัง ยาจะติ
สังโฆ อิตถันนามัง ภิกขุง อัพเภติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อัตถันนามัสสะ ภิกขุโน อัพภานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ
โส ภาเสยยะ ฯ

ตะติยัมปิ เอตะมัตถัง วะทามิ สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ
อะยัง อิตถันนาโม ภิกขุ สัมพะหุลา สังฆาทิเสสา อาปัตติโย อาปัชชิ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง ชานาติ เอกัจจัง นะ ชานาติ
อาปัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
รัตติปะริยันตัง เอกัจจัง สะระติ เอกัจจัง นะ สะระติ
อาปัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
รัตติปะริยันเต เอกัจจัง เวมะติโก เอกัจเจ นิพเพมะติโก
โส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง ยาจิ 
ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง สุทธันตะปะริวาสัง อะทาสิ
โส ปะริวุตถะปะริวาโส สังฆัง ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง ยาจิ ตัสสะ สังโฆ ตาสัง อาปัตตีนัง ฉารัตตัง
มานัตตัง อะทาสิ โส จิณณะมานัตโต สังฆัง อัพภานัง ยาจะติ
สังโฆ อิตถันนามัง ภิกขุง อัพเภติ ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
อัตถันนามัสสสะ ภิกขุโน อัพภานัง โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ
โส ภาเสยยะ ฯ
อัพภิโต สังเฆนะ อิตถันนาโม ภิกขุ ขะมะติ สังฆัสสะ
ตัสมา ตุณหี เอวะเมตัง ธาระยามิ ฯ


วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คำสัตตาหะ

คำสัตตาหะ
สัตตาหะกะระณียัง กิจจัง เม อัตถิ
ตัสมา มะยา คันตัพพัง
อิมัสมิง สัตตาหัพภันตะเร นิวัตติสสามิ.

กิจที่พึ่งทำในหนึ่งสัปดาห์ของข้าพเจ้ามีอยู่  เพราะฉะนั้น  ข้าพเจ้าพึงไป  ข้าพเจ้าจักกลับมาภายในเจ็ดวันนี้

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

กฐิน

กฐิน

คำถวายผ้ากฐิน
" อิมัง มะยัง ภันเต, สะปะริวารัง, กะฐินะจีวะระทุสสัง, สังสสะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, สังโฆ, อิมัง สะปะริวารัง, กะฐินะทุสสัง, ปะฏิคคัณหาตุ, ปะฏิคคะเหตตะวาจะ, อิมินา ทุสเสนะ กะฐินัง, อัตถะระตุ, อัมหากัง ฑีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ นิพพานายะจะ ฯ "

ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวายผ้ากฐินจีวร กับทั้งบริวารนี้ แด่พระสงฆ์ ขอพระสงฆ์จงรับผ้ากฐินกับทั้งบริวารนี้ ของ ข้าพเจ้าทั้งหลาย และ เมื่อรับแล้วขอจงกรานใช้ กฐิน ด้วยผ้านี้ เพื่อประโยชน์ และ ความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายสิ้นกาลนานเทอญ ฯ

คำอปโลกน์กฐิน
รูปที่ 1

ผ้ากฐินทาน กับทั้งผ้าอนิสังสบริวารทั้งปวงนี้ เป็นของ…… พร้อมด้วย…….ผู้ประกอบด้วยศรัทธาอุตสาหะ พร้อมเพรียงกันนำมาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ ผู้อยู่จำพรรษาถ้วนไตรมาสในอาวาสนี้
ก็แล ผ้ากฐินทานนี้ เป็นของบริสุทธิ์ดุจเลื่อนลอยมาโดยนภากาศแล้วแลตกลงในที่ประชุมสงฆ์ จะได้จำเพาะเจาะจงลงว่า เป็นของภิกษุรูปใด รูปหนึ่งก็หามิได้ มีพระบรมพุทธานุญาตไว้ว่า ให้พระสงฆ์ทั้งปวงยอมอนุญาตให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อจะทำซึ่งกฐินนัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาต และมีคำพระอรรถกถาจารย์ผู้รู้พระบรมพุทธาธิบายสังวรรณนาไว้ว่า ภิกษุรูปใดประกอบด้วยศีลสุตาธิคุณ มีสติปัญญาสามารถ รู้ธรรม 8 ประการ มีบุรพกิจเป็นต้น ภิกษุรูปนั้นจึงสมควรเพื่อจะทำซึ่งกฐินนัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาตได้

บัดนี้ พระสงฆ์ทั้งปวง จะเห็นสมควรแก่ภิกษุรูปใด จงพร้อมกันยอมอนุญาตให้แก่ภิกษุรูปนั้น เทอญ. (ไม่ต้องสาธุ)
คำอปโลกน์กฐิน
แบบ ๒ รูป
       รูปที่ ๑
ผ้ากฐินทานกับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้ เป็นของ...............
พร้อมด้วย..............ผู้ประกอบด้วยศรัทธา อุตสาหะพร้อมเพรียงกัน
นำมาถวาย แด่พระภิกษุสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษาถ้วนไตรมาสในอาวาสนี้
       ก็แลผ้ากฐินทานนี้ เป็นของบริสุทธิ์ ดุจเลื่อนลอยมาโดยนภากาศ
แล้วแลตกลงในทีประชุมสงฆ์ จะได้จำเพาะเจาจงลงว่าเป็นของพระ
ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งก็หามิได้ มีพระบรมพุทธานุญาตไว้ว่า ให้พระสงฆ์ทั้ง
ปวงยอมอนุญาตให้แก่ภิกษุรูปหนึ่ง เพื่อจะทำซึ่งกฐินนัตถารกิจ ตามพระ
บรมพุทธานุญาต และมีคำพระอรรถกถาจารย์ ผู้รู้พระบรมพุทธาธิบาย
สังวรรณนาไว้ว่า ภิกษุรูปใดประกอบด้วยศีลสุตาธิคุณ มีสติปัญญา
สามารถ รู้ธรรม ๘ ประการ มีบุพกิจ เป็นต้น ภิกษุรูปนั้นจึง
สมควร เพื่อจะกระทำกฐินนัตถารกิจ ตามพระบรมพุทธานุญาตได้
       บัดนี้ พระสงฆ์ทั้งปวง จะเห็นสมควรแก่ภิกษรูปใด จงพร้อม
กันยอมอนุญาตให้แก่ภิกษุรูปนั้น เทอญ.
(ไม่ต้อง สาธุ)
       รูปที่ ๒
       ผ้ากฐินทาน กับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้ ข้าพเจ้าพิจารณา
เห็นสมควรแก่...................เป็นผู้มีสติปัญญาสามารถ เพื่อกระทำกฐิน
นัตถารกิจให้ถูกต้องตามพระบรมพุทธานุญาตได้ ถ้าพระภิกษุรูปใดเห็น
ไม่สมควรทักท้วงขึ้นในท่ามกลางระหว่างสงฆ์ (หยุดนิดหนึ่ง) ถ้าเห็น
สมควรแล้วไซร้จงให้สัททสัญญาสาธุการะขึ้นให้พร้อมกัน เทอญ.

(สาธุ)
คำอุปโลกน์กฐิน
แบบ ๔ รูป
       รูปที่ ๑
       ผ้ากฐินทาน กับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้ เป็นของ.....
ผู้กอปรด้วยศรัทธาอุตสาหะน้อมนำมาถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ผู้จำพรรษา
กาลถ้วนไตรมาสในอาวาสวิหารนี้
       ก็แลผ้ากฐินทานนี้ เป็นของบริสุทธิ์ดุจเลื่อนลอยมาโดยนภากาศ
แล้วแลตกลงยังท่ามกลางสงฆ์ จะได้จำเพาะเจาะจงแก่พระภิกษุสงฆ์
รูปหนึ่งรูปใดก็หาบ่มิได้ มีพระพุทธานุญาตไว้ให้ให้แก่ภิกษุผู้มีจีวร
อันเก่า หรือมีจีวรทุพพลภาพ หรือภิกษุรูปใดรูปหนึ่งซึ่งมีสติปัญญา
สามารถอาจกระทำกฐินนัตถารกิจ มิให้เพี้ยนผิด ต้องตามวินัยนิยม
บรมพุทธานุญาต
       เมื่อได้กรานกฐินแล้วไซร้ อานิสังสคุณจะพึงบังเกิดมี ๕ ประการ
คือ อยู่ปราศจากไตรจีวรได้ไม่เป็นอาบัติด้วยทุติยกฐินสิกขาบท ๑ เก็บ
อติเรกจีวรไว้ได้เป็นอาบัติ ด้วยปฐมกฐินสิกขาบท ๑ ฉันคณะโภชน์
ปรัมปรโภชน์ได้ไม่เป็นอาบัติ ด้วยคณะโภชนะและปรัมปรโภชนะสิกขา
บท ๑ เข้าไปในละแวกบ้านได้ไม่อาบัติ ด้วยอนามันตจาริกสิกขา
บท ๑ จีวรลาภที่บังเกิดขึ้นในอาวาสจะเป็นของภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้ว
๑ ทั้งจีวรกาลจะยืดออกไปอีก ๔ เดือน ตลอดเหมันตฤดู ดังนี้
       บัดนี้ พระสงฆ์ทั้งหลายจะมีความยินยอมพร้อมกันรับกฐินนี้
หรือไม่ ถ้ามีความยินยอมพร้อมกันรับกฐินนี้แล้วไซร้ จงให้สัททสัญญา
สาธุการะขึ้นให้พร้อมกัน เทอญ.
สาธุ
       รูปที่ ๒
สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงอนุญาตกฐินนัตถารกิจนั้น ให้
เป็นการเฉพาะบุคคล สงฆ์ก็ดี คณะก็ดีจะกรานกฐินไม่ได้ แต่เพราะ
อนุโมทนาแห่งสงฆ์และคณะและอัตถารกิจแห่งบุคคล กฐินเป็นอันสงฆ์
อันคณะอันบุคคลกรานได้ ก็และผ้ากฐินทานนี้ ควรแก่ภิกษุผู้มีจีวรเก่า
หรือมีจีวรอันทุพพลภาพ หรือภิกษุรูปใดจะมีอุตสาหะและสามารถทำ
จีวรกรรมในวันเดียวนี้ ให้เบนกฐินนัตถารกิจ ต้องตามพระบรมพุทธา-
นุญาต มิให้วิธีวินัยนิยมทั้งปวงเคลื่อนคลาดได้.
       บัดนี้ พระสงฆ์ทั้งปวงจะเห็นสมควรแก่พระภิกษุรูปใด จง
พร้อมกันยอมอนุญาตให้แก่ภิกษุรูปนั้น เทอญ.
(ไม่ต้อง สาธุ)
       รูปที่ ๓
ผ้ากฐินทาน กับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้ ข้าพเจ้าพิจารณา
เห็นสมควร แด่...................................ผู้เป็น.......................................
ในวัดนี้ ซึ่งเป็นพหุสูตรทรงธรรม ทรงวินัย เป็นผู้ชี้แจงชักนำให้สพรหม-
จารีสงฆ์บริษัทรื่นเริง เป็นผู้ให้โอวาทานุศาสน์แก่ภิกษุสามเณรและ
คฤหัสถ์เป็นผู้ทรงกฐินมาติกาฉลาดรู้ในวินัยกรรม จะไม่ให้วินัยนิยม
นั้น ๆ กำเริบได้ และเป็นผู้มีสติปัญญาสามารถ อาจกระทำกฐิน-
นัตถารกิจให้ต้องตามพระบรมพุทธานุญาตได้
       เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงพิจารณาเห็นว่า พระสงฆ์ทั้งปวงจะ
ยินยอมพร้อมกันถวายผ้ากฐินทาน กับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้
แด่............................ ถ้าพระภิกษุรูปใดเห็นไม่สมควร จงทักท้วง
ขึ้นในท่ามกลางสงฆ์ (หยุดนิดหนึ่ง) ถ้าเห็นสมควรแล้ว จงสาธุการะขึ้น
ให้พร้อมกันเทอญ.
สาธุ
       รูปที่ ๔
ผ้ากฐินทานกับทั้งผ้าอานิสังสบริวารทั้งปวงนี้ ถ้าและพระสงฆ์
บริษัทมีเอกฉันทานุมัติ พร้อมกันยอมถวายแด่..................แล้ว ขอ
พระสงฆ์จงอย่าได้ถือเอาผ้าไตรจีวร ซึ่งเป็นบริวารแห่งผ้ากฐินตามลำดับ
ผ้าจำพรรษาเลย จงถวายแด่...................ด้วยอปโลกนวาจานี้ ส่วนผ้ากฐิน
ทานนั้น ถึงพระสงฆ์ทั้งปวงจะยินยอมพร้อมกันถวายด้วยอปโลกนวาจา
ก็ไม่ขึ้น ต้องถวายด้วยญัตติทุติยกรรมวาจา ตามพระบรมพุทธานุญาต
       เพราะฉะนั้น ขอพระสงฆ์จงทำกรรมสันนิษฐานว่า จะถวาย
ผ้ากฐินทานนั้น แด่...........................ด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาอันไม่กำเริบ
ตามสมควรแก่สถานะ ณ กาลบัดนี้ เทอญ ฯ

สาธุ
แบบกรรมวาจาสวดให้ผ้ากฐิน
       นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ,
       นะโม ตัสสะ, ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ,
       นะโม ตัสสะ, ภะคะวะโต, อะระหะโต สัมม, สัมพุทธัสสะ,
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ, อิทัง สังฆัสสะ กะฐินะทุสสัง อุปปันนัง,
ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง, สังโฆ อิมัง กะฐินะทุสสัง อายัสมะโต
(อิตถันนามัสสะ) ทะเทยยะ, กะฐินัง อัตถะริตุง, เอสา ญัตติ.
       สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ, อิทัง สังฆัสสะ กะฐินะทุสสัง อุปปันนัง,
สังโฆ อิมัง กะฐินะทุสสัง อายัสมะโต (อิตถันนามัสสะ), เทติ, กะฐินัง
อัตถะริตุง, ยัสสายัสมะโต ขะมะติ, อิมัสสะ กะฐินะทุสสัสสะ, อายัส-
มะโต (อิตถันนามัสสะ). ทานัง, กะฐินัง อัตถะริตุง, โส ตุณหัสสะ
ยัสสะ นักขะมะติ, โส ภาเลยยะ
       ทินนัง อิทัง สังเฆนะ, กะฐินะทุสสัง อายัสมะโต (อิตถันนา-
มัสสะ). กะฐินัง อัตถะริตุง, ขะมะติ สังฆัสสะ ตัสมา ตุณหี,
เอวะเมตัง ธาระยามิ.

      หมายเหตุ ในวงเล็บ อัตถันนามัสสะ นั้น ให้ใส่ชื่อผู้ครองกฐินแทน
คำอธิษฐานผ้ากฐิน
สังฆาฏิ อิมายะ สังฆาฏิยา กะฐินัง อัตถะรามิ (๓ หน)
อุตตราสงค์ อิมินา อุตตะราสังเคนะ กะฐินัง อัตถะรามิ (๓ หน)

อันตรวาสก อิมานา อันตะระวาสะเกนะ กะฐินัง อตถะรามิ (๓ หน)
คำอนุโมทนากฐิน
       อัตถะตัง อาวุโส สังฆัสสะ กะฐินัง ธัมมิโก กะฐินัตถาโร
อะนุโมทะถะ (๓ หน ) นี้สำหรับท่านผู้ครองกฐินมีพรรษาแก่กว่าภิกษุทั้งปวง
ถ้ามีภิกษุอื่นที่มีพรรษามากกว่าท่านผู้ครองกฐินอยู่ ใน ที่ นั้น ให้ เปลี่ยนคำว่า
อาวุโส เป็น ภันเต แล้วให้พระสงฆ์ทั้งปวงเปล่งวาจาอนุโมทนาต่อไปว่า
       อัตถะตัง ภันเต สังฆัสสะ กะฐินัง ธัมมิโก กะฐินัตถาโร
อะนุโมทานะ (๓ หน) นี้สำหรับผู้อ่อนพรรษากว่าท่านผู้ครองกฐินกล่าว ถ้า
มีภิกษุที่แก่พรรษากว่าท่านผู้ครองกฐินอยู่ในที่นั้น กี่รูปก็ตามให้ผู้แก่เหล่านั้น
เปลี่ยนคำว่า ภันเต เป็น อาวุโส หรือจะให้ว่าพร้อมกันเฉพาะผู้แก่เสียคราว

หนึ่งก่อน ๓ จบ แล้วจึงให้ผู้อ่อนกว่าว่าอีกคราวหนึ่ง ๓ จบ ก็ได้