คำสวดธาตุปะฎิกูละปัจจะเวกขะณะวิธี
(นำ) หันทะ มะยัง
ธาตุปะฎิกูละปัจจะเวกขะณะ ปาฐัง ภะณามะ
เส ฯ
(รับ) ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง
ธาตุมัตตะเมเวตัง ยะทิทัง จีวะรัง ฯ
ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
ธาตุมัตตะโก นิสสัตโต นิชชีโว
สุญโญ ฯ สัพพานิ ปะน
อิมานิ จีวะนิ อะชิคุจฉะนี
ยานิ อิมัง ปูติกายัง
ปัตํวา อะติวิยะ ชิคุจฉะนียานิ
ชายันติฯ
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง
ธาตุมัตตะเมเวตัง ยะทิทัง ปิณฑะปาโต ฯ
ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
ธาตุมัตตะโก นิสสัตโต นิชชีโว
สุญโญ ฯ สัพโพ ปะนายัง
ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนีโย อิมัง
ปูติกายัง ปัตํวา อะติวิยะ
ปะนายัง ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนีโย
อิมัง ปูติกายัง ปัตํวา
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติ ฯ
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง
ธาตุมัตตะเมเวตัง ยะทิทัง เสนาสะนัง
ฯ ตะทุปะภุญชะโก จะ
ปุคคะโล ธาตุมัตตะโก นิสสัตโต
นิชชีโว สุญโญ ฯ สัพโพ
ปะนายัง ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนีโย
อิมัง ปูติกายัง ปัตํวา
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติ
ฯ
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง
ธาตุมัตตะเมเวตัง ยะทิทัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร ฯ ตะทุปะภุญชะโก
จะ ปุคคะโล ธาตุมัตตะโก
นิสสัตโต นิชชีโว สุญโญ ฯ
สัพโพ ปะนายัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร อะชิคุจฉะนีโย
อิมัง ปูติกายัง ปัตํวา
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติ ฯ
(เมื่อสวดมนต์จบบท
ทำวัตรเช้ากับ ตังขะณิกะปัจจะเวกขะณะวิธีแล้ว
จะมีการสวดมนตร์ตอนเช้าอีก
ตามแต่ละวัดว่ากี่บท ปัตติทานะคาถา จะเป็นบทสุดท้ายของการสวดมนตร์ตอนเช้า)
แปล
(ผู้นำ) (หันทะ มะยัง ธาตุปะฎิกูละปัจจะเวกขะณะปาฐัง
ภะณามะ เส)
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง จีวะรังฯ ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ จีวร และคนผู้ใช้สอยจีวรนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพพานิ ปะนะ อิมานิ จีวะรานิ อะชิคุจฉะนียานิ
ก็จีวรทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนียานิ ชายันติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง ปิณฑะปาโตฯ ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ บิณฑบาตร และคนผู้บริโภคบิณฑบาตรนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพโพ ปะนายัง ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนีโย
ก็บิณฑบาตรทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง เสนาสะนังฯ ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ เสนาสนะ และคนผู้ใช้เสนาสนะนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพพานิ ปะนะ อิมานิ เสนาสะนานิ อะชิคุจฉะนียานิ
ก็เสนาสนะทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนียานิ ชายันติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโรฯ ตะทุปะ
ภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ เภสัชบริขาร อันเกื้อกูลแก่คนไข้ และคนผู้บริโภค
เภสัชบริขารนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพโพ ปะนายัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร อะชิคุจฉะนีโย
ก็คิลานเภสัชบริขารทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน ดังนี้แล
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง จีวะรังฯ ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ จีวร และคนผู้ใช้สอยจีวรนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพพานิ ปะนะ อิมานิ จีวะรานิ อะชิคุจฉะนียานิ
ก็จีวรทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนียานิ ชายันติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง ปิณฑะปาโตฯ ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ บิณฑบาตร และคนผู้บริโภคบิณฑบาตรนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพโพ ปะนายัง ปิณฑะปาโต อะชิคุจฉะนีโย
ก็บิณฑบาตรทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง เสนาสะนังฯ ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ เสนาสนะ และคนผู้ใช้เสนาสนะนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพพานิ ปะนะ อิมานิ เสนาสะนานิ อะชิคุจฉะนียานิ
ก็เสนาสนะทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนียานิ ชายันติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตุมัตตะเมเวตัง
สิ่งเหล่านี้นี่ เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น กำลังเป็นไป
ตามเหตุตามปัจจัยอยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโรฯ ตะทุปะ
ภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิ่งเหล่านี้คือ เภสัชบริขาร อันเกื้อกูลแก่คนไข้ และคนผู้บริโภค
เภสัชบริขารนั้น
ธาตุมัตตะโก เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิสสัตโต มิได้เป็นสัตวะอันยั่งยืน
นิชชีโว มิได้เป็นชีวะอันเป็นบุรุษบุคคล
สุญโญฯ ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัวตน
สัพโพ ปะนายัง คิลานะปัจจะยะเภสัชชะปะริกขาโร อะชิคุจฉะนีโย
ก็คิลานเภสัชบริขารทั้งหมดนี้ ไม่เป็นของน่าเกลียดมาแต่เดิม
อิมัง ปูติกายัง ปัตตะวา
ครั้นมาถูกเข้ากับกาย อันเน่าอยู่เป็นนิจนี้แล้ว
อะติวิยะ ชิคุจฉะนีโย ชายะติฯ
ย่อมกลายเป็นของน่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน ดังนี้แล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น