วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อภิธัมมนิทาน

อภิธัมมนิทาน
กะรุณา  วิยะ  สัตเตสุ                                   ปัญญายัสสะ  มะเหสิโน
เญยยะธัมเมสุ  สัพเพสุ                                ปะวัตติติตถะ  ยะถารุจิง
ทะยายะ  ตายะ  สัตเตสุ                               สะมุสสาติหะมานะโส
ปาฎิเหราวะสานัมหิ                                     วะสันโต  ติทะสาละเย
ปาริจฉัตตะกะมูลัมหิ                                   ปัณฑุกัมพะละนามะเก
จักกะวาฬสะหัสเสหิ                                    ทะสะหาคัมมะ  สัพพะโส
สันนิสินเนนะ  เทวานัง                               คะเณนะ  ปะริวาริโต
มาตะรัง  ปะมุขัง  กัตํวา                              ตัสสา  ปัญญายะ  เตชะสา
อะธัมมะกะถัง  มัคคัง                                  เทวานัง  สัมปะวัตตะยิ
ตัสสะ  ปาเท  นะมัสสิตํวา                          สัมพุทธัสสะ  สิรีมะโต
สัทธัมมัญจัสสะ   ปูเชตํวา                          กัตํวา  สังฆัสสะ  จัญชะลิง
นิปัจจะการัสเส   ตัสสะ                              กะตัสสะ  ระตะนัตตะเย
อานุภาเวนะ  โสเสตํวา                                อันตะราเย  อะเสสะโต
อิติ  เม  ภาสะมานัสสะ                                อะภิธัมมะกะถัง   อิมัง
อะวิกขิตํวา  นิสาเมถะ                                ทุลละภา  หิ  อะยัง  กะถา  ฯ
            เอกัง  สะมะยัง  ภะคะวา  เทเวสุ  วิหะระติ  ตาวะติงเสสุ  ปาริจฉัตตะกะมูลัมหิ  ปัณฑุกัมพะละสิลายัง   ตัตํระ  โข  ภะคะวา  เทวานัง   ตาวะติงสานัง   อะภิธัมมะกะถัง  กะเถสิ
            จิตตะวิภัตติรูปัญจะ                         นิกเขโป   อัตถะโชตะนา

            คัมภีรัง  นิปุฌัง  ฐานัง                      ตัมปิ  พุทเธนะ  เทสิตัง ฯ 



เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์*แล้ว
ก็ทรงพระพุทธองค์ก็เสด็จไปจำพรรษาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อไปโปรดพระพุทธมารดาต่อไป

คำแปล
ดังข้าพเจ้า(พระอานนท์)ได้สดับรับฟังมาอย่างนี้ว่าในสมัยหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทับอยู่ที่พระแท่นบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์  ณ  โคนต้นปาริฉัตร**  บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลก  ท่ามกลางหมู่เทวดาแลพรหมทั้งหลาย
สมัยนั้นพระพุทธเจ้า  ได้แสดงพระอภิธรรมคาถาแก่  พระพุทธมาดาและพรหมเทพทั้งหลาย  บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เทวโลกดังนี้
การจำแนกจิตก็ดี  การตั้งลงซึ่งรูปก็ดี  ถ้อยคำอันส่องเนื้อความให้ชัดเจนก็ดี  ฐานะอันละเอียดลึกซึ้งคือพระนิพพานก็ดี   พระผู้มีพระถาคเจ้าทรงแสดงไว้ในพระอภิธรรมนั่นแล 

*ยมกปาฏิหาริย์  คือ  การทำปาฏิหาริย์ให้บังเกิดเป็นคู่ ๆ โดยวิธีต่าง ๆ คือ มีท่อน้ำและท่อไฟพุ่งมา จากส่วนต่าง ๆ ของพระวรกายสลับกันไป ท่อไฟที่พุ่งออกมานั้นมีฉัพพรรณรังสี คือ มี 6 สีสลับกัน เมื่อกระทบกับสายน้ำมีแสงสะท้อนสวยงามมาก ทรงเนรมิตพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขึ้นมาอีกพระองค์หนึ่ง ทรงให้พุทธเนรมิตแสดงพระอาการสลับกันกับพระพุทธองค์  เมื่อตั้งปัญหาถามพระพุทธเนรมิตก็ตรัสวิสัชนาแก้สลับกันไป โดยไม่รู้ว่าองค์ไหนเป็นองค์จริง  องค์ไหนเป็นรูปเนรมิต

**จะเรียกว่าต้นปาริชาติ หรือต้นทองหลางก็ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น