ภิกษุไม่ควรฉันสัตว์
10 อย่าง
1.ห้ามฉันเนื้อมนุษย์
มนุษย์บางคนอาจมีศรัทธาเลื่อมใสสละเนื้อถวายได้ พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อมนุษย์ ภิกษุใดฉันเนื้อมนุษย์ต้องอาบัติทุกกฎ
2.ห้ามฉันเนื้อช้าง
ในสมัยพุทธกาล ช้างหลวงล้มตายหลายเชือก อาหารก็ขาดแคลน ประชาชนนำเนื้อช้างมาบริโภค และถวายแก่พระภิกษุที่ออกบิณฑบาต พระภิกษุก็พากันฉันเนื้อช้าง
ประชาชนก็กล่าวต่อว่าพระสงฆ์ทั้งหลายที่ฉันเนื้อช้าง เหตุเพราะช้างเป็นสัตว์พาหนะของพระราชา
หากพระราชารู้เข้าคงไม่เลื่อมใสต่อพระภิกษุสงฆ์แน่ พระภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อช้าง พระภิกษุใด
ฉันเนื้อช้างต้องอาบัติทุกกฎ
3.ห้ามฉันเนื้อม้า
ในสมัยพุทธกาล ม้าหลวงล้มตายลง อาหารก็ขาดแคลน ประชาชนนำเนื้อม้ามาบริโภค และถวายแก่พระภิกษุที่ออกบิณฑบาต พระภิกษุก็พากันฉันเนื้อม้า ประชาชนก็กล่าวต่อว่าพระสงฆ์ทั้งหลายที่ฉันเนื้อม้า เหตุเพราะม้าเป็นสัตว์พาหนะของพระราชา
หากพระราชารู้เข้าคงไม่เลื่อมใสต่อพระภิกษุสงฆ์แน่ พระภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อม้า พระภิกษุใด
ฉันเนื้อม้าต้องอาบัติทุกกฎ
4.ห้ามฉันเนื้อสุนัข
ในสมัยต่อมา อาหารขาดแคลน
ประชาชนนำเนื้อสุนัขมาบริโภคแก่พระภิกษุที่ออกบิณฑบาต พระภิกษุก็พากันฉันเนื้อสุนัข
ประชาชนก็กล่าวต่อว่าพระสงฆ์ทั้งหลายที่ฉันเนื้อสุนัข เหตุเพราะสุนัขเป็นสัตว์น่าเกลียด ประชาชนรู้เข้าคงไม่เลื่อมใสต่อพระภิกษุสงฆ์แน่
พระภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อสุนัข พระภิกษุใด
ฉันเนื้อสุนัขต้องอาบัติทุกกฏ
5.ห้ามฉันเนื้องู
ในสมัยต่อมา อาหารขาดแคลน
ประชาชนนำเนื้องูมาบริโภค
และถวายแก่พระภิกษุที่ออกบิณฑบาต
พระภิกษุก็พากันฉันเนื้องู
ประชาชนก็กล่าวต่อว่าพระสงฆ์ทั้งหลายที่ฉันเนื้องู เหตุเพราะงูเป็นสัตว์น่าเกลียด
ประชาชนรู้เข้าคงไม่เลื่อมใสต่อพระภิกษุสงฆ์แน่
พระภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พญานาคราชชื่อสุปัสสะได้เข้ามากราบทำความเคารพพระพุทธเจ้าในสำนักสงฆ์ ขอพระพุทธเจ้าอย่าฉันเนื้องู เมื่อพญานาคกลับไป พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้องู พระภิกษุใด
ฉันเนื้องูต้องอาบัติทุกกฎ
6.ห้ามฉันเนื้อราชสีห์
สมัยต่อมานายพรานฆ่าราชสีห์ แล้วนำเนื้อมาบริโภค
และนำเนื้อราชสีห์มาถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต เมื่อพระภิกษุฉันเนื้อราชสีห์แล้ว เมื่อพระภิกษุสงฆ์อยู่ในป่า
ฝูงราชสีห์ได้กลิ่นเนื้อราชสีห์ก็พากันออกมาฆ่าเหล่าพระภิกษุเสีย
พระภิกษุทั้งหลายนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อราชสีห์ พระภิกษุใด
ฉันเนื้อราชสีห์ต้องอาบัติทุกกฎ
7.ห้ามฉันเนื้อเสือโคร่ง
สมัยต่อมานายพรานฆ่าเสือโคร่ง แล้วนำเนื้อมาบริโภค
และนำเนื้อเสือโคร่งมาถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต เมื่อพระภิกษุฉันเนื้อแล้วเสือโคร่ง
เมื่อพระภิกษุสงฆ์อยู่ในป่า
เหล่าเสือโคร่งได้กลิ่นเนื้อเสือโคร่งก็พากันออกมาฆ่าเหล่าพระภิกษุเสีย
พระภิกษุทั้งหลายนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อเสือโคร่ง พระภิกษุใด
ฉันเนื้อเสือโคร่งต้องอาบัติทุกกฎ
8.ห้ามฉันเนื้อเสือเหลือง
สมัยต่อมานายพรานฆ่าเสือเหลือง แล้วนำเนื้อมาบริโภค และนำเนื้อเสือเหลืองมาถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต เมื่อพระภิกษุฉันเนื้อแล้วเสือเหลือง เมื่อพระภิกษุสงฆ์อยู่ในป่า เหล่าเสือเหลืองได้กลิ่นเนื้อเสือเหลืองก็พากันออกมาฆ่าเหล่าพระภิกษุเสีย
พระภิกษุทั้งหลายนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อเสือเหลือง พระภิกษุใด
ฉันเนื้อเสือเหลืองต้องอาบัติทุกกฎ
9.ห้ามฉันเนื้อหมี
สมัยต่อมานายพรานฆ่าหมี แล้วนำเนื้อมาบริโภค และนำเนื้อหมีมาถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต เมื่อพระภิกษุฉันเนื้อหมีแล้ว เมื่อพระภิกษุสงฆ์อยู่ในป่า เหล่าหมีได้กลิ่นเนื้อหมีก็พากันออกมาฆ่าเหล่าพระภิกษุเสีย
พระภิกษุทั้งหลายนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อหมี พระภิกษุใด
ฉันเนื้อหมีต้องอาบัติทุกกฎ
10.ห้ามฉันเนื้อเสือดาว
สมัยต่อมานายพรานฆ่าเสือดาว แล้วนำเนื้อมาบริโภค และนำเนื้อเสือดาวมาถวายแก่พระภิกษุสงฆ์ที่ออกบิณฑบาต เมื่อพระภิกษุฉันเนื้อเสือดาวแล้ว เมื่อพระภิกษุสงฆ์อยู่ในป่า เหล่าเสือดาวได้กลิ่นเนื้อเสือดาวก็พากันออกมาฆ่าเหล่าพระภิกษุเสีย
พระภิกษุทั้งหลายนำเรื่องเหล่านี้ไปบอกพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงบัญญัติไว้ ภิกษุทั้งหลายไม่ควรฉันเนื้อเสือดาว พระภิกษุใด
ฉันเนื้อเสือดาวต้องอาบัติทุกกฎ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น