วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

โอวาทะปาฏิโมกขาทิปาโฐ

โอวาทะปาฏิโมกขาทิปาโฐ
อุททิฏฐัง โข เตนะ ภะคะวะตา ชานะตา ปัสสะตา
อะระหะตา สัมมาสัมพุทเธนะ โอวาทะปาฏิโมกขัง ตีหิ คาถาหิ
ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา
นิพพานัง ปะระนัง วะทันติ พุทธา
นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี
สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต
สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง กุสะลัสสูปะสัมปะทา
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง เอตัง พุทธานะ สาสะนัง
อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต ปาฏิโมกเข จะ สังวะโร
มัตตัญญตา จะ ภัตตัสมิง ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง
อะธิจิตเต จะ อาโยโค เอตัง พุทธานะ สาสะนันติ
อะเนกะปะริยเยนะ โข ปะนะ เตนะ ภะคะวะตา ชานะตา
ปัสสะตา อะระหะตา สัมมาสัมพุทเธนะ สีลัง สัมมะทักขาตัง
สะมาธิ สัมมะทักขาโต ปัญญา สัมมะทักขาตา


กะถัญจะ สีลัง สัมมะทักขาตัง ภะคะวะตา. เหฏฐิเมนะปิ
ปะริยาเยนะ สีลัง สัมมะทักขาตัง ภะคะวะตา. อุปะริเมนะปิ
ปะริยาเยนะ สีลัง สัมมะทักขาตัง ภะคะวะตา. กะถัญจะ เหฏฐิเมนะ
ปะริยาเยนะ สีลัง สัมมะทักขาตัง ภะคะวะตา อิธะ อะริยะสาวะโก
ปาณาติปาตา ปะฏิวิระโต โหติ อะทินนาทานา ปะฏิวิระโต โหติ
กาเมสุ มิจฉาจารา ปะฏิวิระโต โหติ มุสาวาทา ปะฏิวิระโต โหติ
สุราเมระยะมัชชัปปะมาทัฏฐานา ปะฏิวิระโต โหตีติ. เอวัง โข
เหฏฐิเมนะ ปะริยาเยนะ สีลัง สัมมะทักขาตัง ภะคะตา กะถัญจะ
อุปะริเมนะ ปะริยาเยนะ สีลัง สัมมะทักขาตัง ภะคะวะตา. อิธะ
ภิกขุ สีละวา โหติ ปาฏิโมกขะสังวะระสังวุโต วิหะระติ
อาจาระโคจะระสัมปันโน อะณุมัตเตสุ วัชเชสุ ภะยะทัสสาวี
สะมาทายะ สิกขะติ สิกขาปะเทสูติ เอวัง โข อุปะริเมนะ
ปะริยาเยนะ สีลัง สัมะทักขาตัง ภะคะวะตา.


กะถัญจะ สะมาธิ สัมมะทักขาโต ภะคะวะตา. เหฏฐิเมนะปิ
ปะริยาเยนะ สมาธิ สัมมะทักขาโต ภะคะวะตา. อุปะริเมนะปิ
ปะริยาเยนะ สะมาธิ สัมมะทักขาโต ภะคะวะตา. กะถัญจะ
เหฏฐิเมนะ ปะริยาเยนะ สะมาธิ สัมมะทักขาโต ภะคะวะตา. อิธะ
อะริยะสาวะโก โวสสัคคารัมมะณัง กะริตวา ละภะติ สะมาธิง
ละภะติ จิตตัสเสกัคคะตันติ. เอวัง โข เหฏฐิเมนะ ปะริยาเยนะ
สะมาธิ สัมมะทักขาโต ภะคะวะตา. กะถัญจะ อุปะริเมนะ
ปะริยาเยนะ สะมาธิ สัมมะทักขาโต ภะคะวะตา. อิธะ ภิกขุ
วิวิจเจวะ กาเมหิ วิวิจจะ อะกุสะเลหิ ธัมเมหิ สะวิตักกัง สะวิจารัง
วิเวกะชัมปีติสุขัง ปะฐะมัง ฌานัง อุปะสัมปัชชะ วิหะระติ วิตักกะ-
วิจารานัง วูปะสะมา อัชฌัตตัง สัมปะสาทะนัง เจตะโส เอโกทิภาวัง
อะวิตักกัง อะวิจารัง สะมาธิชัมปีติสุขัง ทุติยัง ฌานัง อุปะสัมปัชชะ
วิหะระติ ปีติยา จะ วิราคา อุเปกขะโก จะ วิหะระติ สะโต จะ
สัมปะชาโน สุขัญจะ กาเยนะ ปะฏิสังเวเทติ ยันตัง อะริยา
อาจิกขันติ อุเปกขะโก สะติมา สุขะวิหารีติ ตะติยัง ฌานัง
อุปะสัมปัชชะ วิหะระติ. สุขัสสะ จะ ปะหานา ทุกขัสสะ จะ
ปะหานา ปุพเพ วะ โสมะนัสสะโทมะนัสสานัง อัตถังคะมา
อะทุกขะมะสุขัง อุเปกขาสะติปาริสุทธิง จะตุตถัง ฌานัง อุปะสัมปัชชะ
วิหะระตีติ. เอวัง โข อุปะริะเมนะ ปะริยาเยนะ สะมาธิ สัมมะทักขาโต
ภะคะวะตา.


กะถัญจะ ปัญญา สัมมะทักขาตา ภะคะวะตา. เหฏฐิเมนะปิ
ปะริยาเยนะ ปัญญา สัมมะทักขาตา ภะคะวะตา. อุปะริเมนะปิ
ปะริยาเยนะ ปัญญา สัมมะทักขาตา ภะคะวะตา. กะถัญจะ
เหฏฐิเมนะ ปะริยาเยนะ ปัญญา สัมมะทักขาตา ภะคะวะตา. อิธะ
อะริยะสาวะโก ปัญญะวา โหติ อุทะยัตถะคามินิยา ปัญญายะ
สะมันนาคะโค อะริยายะ นิพเพธิกายะ สัมมา ทุกขักขะยะคามินิยาติ.
เอวัง โข เหฏฐิเมนะ ปะริยาเยนะ ปัญญา สัมมะทักขาตา
ภะคะวะตา. กะถัญจะ อุปะริเมนะ ปะริยาเยนะ ปัญญา สัมมะทักขาตา
ภะคะวะตา. อิธะ ภิกขุ อิทัง ทุกขันติ ยะถาภูตัง ปะชานาติ. อะยัง
ทุกขะสะมุทะโยติ ยะถาภูตัง ปะชานาติ. อะยัง ทุกขะนิโรโธติ
ยะถาภูตัง ปะชานาติ. อะยัง ทุกขะนิโรธะคามินี ปะฏิปะทาติ
ยะถาภูตัง ปะชานาติ. เอวัง โข อุปะริเมนะ ปะริยาเยนะ ปัญญา
สัมมะทักขาตา ภะคะวะตา.


สีละปะริภาวิโต สะมาธิ มะหัปผะโล โหติ มะหานิสังโส
สะมาธิปะริภาวิตา ปัญญา มะหัปผะลา โหติ มะหานิสังสา
ปัญญาปะริภาวิตัง จิตตัง สัมมะเทวะ อาสะเวหิ วิมุจจะติ. เสยยะถีทัง.
กามาสะวา ภะวาสะวา อะวิชชาสะวา. ภาสิตา โข ปะนะ ภะคะวะตา
ปะรินิพพานะสะมะเย อะยัง ปัจฉิมะวาจา หันทะทานิ ภิกขะเว
อามันตะยามิ โว วะยะธัมมา สังขารา อัปปะมาเทนะ
สัมปาเทถาติ. ภาสิตัญจิทัง ภะคะวะตา เสยยะถาปิ ภิกขะเว
ยานิ กานิจิ ชังคะลานัง ปาณานัง ปะทะชาตานิ สัพพานิ ตานิ
หัตถิปะเท สะโมธานัง คัจฉันติ หัตถิปะทัง เตสัง อัคคะมักขายะติ
ยะทิทัง มะหันตัตเตนะ. เอวะเมวะ โข ภิกขะเว เย เกจิ กุสะลา
ธัมมา สัพเพ เต อัปปะมาทะมูละกา อัปปะมาทะสะโมสะระณา
อัปปะมาโท เตสัง อัคคะมัคขายะตีติ. ตัสมาติหัมเหหิ สิกขิตัพพัง
ติพพาเปกขา ภะวิสสามะ อะธิสีละสิกขาสะมาทาเน อะธิจิตตะสิก-
ขาสะมาทาเน อะธิปัญญาสิกขาสะมาทาน อัปปะมาเทนะ สัมปาเทส-
สามาติ. เอวัญหิ โน สิกขิตัพพัง



คำแปล
หัวใจของพุทธศาสนา

หลักธรรม 3 ประการที่ถือเป็น หัวใจของพุทธศาสนา คือ

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง การไม่ทำบาปทั้งปวง

กุสะลัสสูปะสัมปะทา การทำกุศลให้ถึงพร้อม

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ

เอตัง พุทธานะสาสะนัง ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

เรียกว่า โอวาทปาติโมกข์ (หรือ โอวาทปาฏิโมกข์) โดย พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม โอวาทปาติโมกข์ ณ เวฬุวันมหาวิหาร กรุงราชคฤห์ ซึ่งเป็นวันที่เกิด จาตุรงคสันนิบาต คือการประชุมอันประกอบด้วยองค์ ๔ นั่นคือ
๑. พระสงฆ์ ๑๒๕๐ รูปมาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
๒. พระสงฆ์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์ทั้งสิ้น
๓. พระสงฆ์เหล่านั้นเป็นพระสงฆ์ที่ได้รับ เอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าบวชให้)
๔. ตรงกับวันเพ็ญ เดือนมาฆะ (เดือน ๓) ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเทศนา โอวาทปาติโมกข์ ดังนี้

คำโอวาทปาติโมกข์คาถา

(หันทะมะยังโอวาทะปาติโมกขะคาถาโยภะณามะเส.)

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง,
การไม่ทำบาปทั้งปวง;

กุสะลัสสูปะสัมปะทา,
การทำกุศลให้ถึงพร้อม;

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง,
การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ,

เอตัง พุทธานะสาสะนัง,
ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย,

ขันตี ปะระมัง ตะโป ติติกขา,
ขันตี คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง;

นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา,
ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง;

นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี,
ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย;

สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต.
ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย.

อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต,
การไม่พูดร้าย, การไม่ทำร้าย;

ปาติโมกเข จะ สังวะโร,
การสำรวมในปาติโมกข์;

มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง,
ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค;

ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง,
การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด;

อะธิจิตเต จะ อาโยโค,
ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง;

เอตัง พุทธานะสาสะนัง.

ธรรม ๖ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น