คำนำถวายดอกไม้ธูปเทียนวันอาสาฬหบูชา
ยะมัมหะ โข มะยัง ภะคะวันตัง
สะระณัง คะตา โย โน ภะคะวา
สัตถา ยัสสะ จะ
มะยัง ภะคะวะโต ธัมมัง โรเจนะ
อะโหสิ โข โส ภะคะวา อะระหัง
สัมมาสัมพุทโธ สัตเตสุ การุญญัง ปะฏิจจะ
กะรุณายะโก หิเตสี อะนุกัมปัง
อุปาทายะ อาสาฬหะปุณณะมิยัง พาราณะสิยัง
อิสิปะตะเน มิคะทาเย ปัญจะวัคคิยานัง
ภิกขูนัง อะนุตตะรัง ธัมมะจักกัง
ปะฐะมัง ปะวัตเตตวา จัตตาริ
อะริยะสัจจานิ ปะกาเสสิ ฯ
ตัสมิญจะ โข สะมะเย ปัญจะวัคคิยานัง
ภิกขูนัง ปะมุโข อายัสมา
อัญญาโกณฑัญโญ ภะคะวะโต ธัมมัง
สุตาวา วิระชัง วีตะมะลัง ธัมมะจักขุง
ปะฏิละภิตวา ยังกิญจิ สะมุทะยะธัมมัง
สัพพันตัง นิโรธะธัมมันติ ภะคะวันตัง
อุปะสัมปะทัง ยาจิตวา ภะคะวะโต
เยวะสันติกา เอหิภิกขุ อุปะสัมปะทัง
ปะฏิละภิตวา ภะคะวะโต ธัมมะวินะเย
อะริยาสาวะกะสังโฆ โลเก
ปะฐะมัง
อุปปันโน อะโหสิ พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง
สังฆะระตะนันติ ติระตะมัง สัมปุณณัง อะโหสิฯ
มะยัง โข เอตะระหิ อิมัง
อาสาฬหะปุณณะมีกาลัง ตัสสะ ภะคะวะโต ธัมมะจักกัปปะวัตตะนะกาละสัมมะตัง อะริยะสาวะกะสังฆะอุป
ปัตติกาละสัมมะตัญจะ ระตะนัตตะยะสัมปุณณะกาละสัมมะตัญจะ ปัตวา
อิมัง ฐานัง สัมปัตตา
อิเม สักกาเร คะเหตวา
อัตตะโน กายัง สักการุปะธานัง
กะริตวา ตัสสะ ภะคะวะโต
ยะถาภุจเจ คุเณ อะนุสสะรันตา
อิมัง ถูปัง (อิมัง พุทธะปะฏิมัง)
ติกขัตตุง ปะทักขิณัง กะริสสามะ
ยะถาคะหิเตหิ สักกาเรหิ ปูชัง กุรุมานา ฯ
สาธุ โน ภันเต ภะคะตา
สุจิระปะรินิพพุโตปิ ญาตัพเพหิ คุเณหิ
อะตีตารัมมะณะตายะ ปัญญายะมาโน อิเม
อัมเหหิ คะหิเต สักกาเร
ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง
หิตายะ สุขายะ ฯ
คำแปล
เราทั้งหลายถึงซึ่งพระผู้มีพระภาคพระองค์ใดแล้ว ว่าเป็นที่พึ่ง
พระผู้มีพระ ภาคพระองค์ใด เป็นพระศาสดาของเราทั้งหลาย อนึ่ง
เราทั้งหลายชอบใจซึ่ง พระธรรม ของพระผู้มีพระภาคพระองค์ใด พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ นั้นเป็น พระอรหันต์ตรัสรู้
ชอบเอง ทรงอาศัยความการุณในสัตว์ทั้งหลาย
ทรงพระกรุณาแสวงหา ประโยชน์ เกื้อกูล ทรงอาศัยความเอ็นดู
ได้ยังพระธรรมจักรอันยอดเยี่ยมให้เป็นไป ทรงประกาศ อริยสัจ
๔ เป็นครั้งแรกแก่พระภิกษุปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้กรุง
พาราณสีในวันอาสาฬหปุณเณมี
อนึ่ง ในสมัยนั้นแล ท่านพระอัญญาโกณฑัญญะผู้เป็นหัวหน้า
ของพระภิกษุ ปัญจวัคคีย์ฟังธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้ธรรมจักษุอันบริสุทธิ์ปราศจากมลทิน
ว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งทั้งปวงนั้น มีความดับเป็นธรรมดา”
จึงทูลขออุปสมบทกะพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นองค์แรกในโลก
อนึ่ง ในสมัยแม้นั้นแล พระสังฆรัตนะได้บังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
พระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ
พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ ได้สมบูรณ์แล้วในโลก
บัดนี้ เราทั้งหลายแล มาประจวบมงคลสมัยอาสาฬหปุณณมีวันเพ็ญ
อาสาฬหมาสที่รู้พร้อมกันว่า เป็นวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ทรงประกาศ
พระธรรมจักรเป็นวันที่เกิดขึ้นแห่ง พระอริยสงฆ์สาวก
และเป็นวันที่พระรัตนตรัย สมบูรณ์ คือ ครบ ๓
รัตนะ จึงมาประชุมกันแล้ว ณ ที่นี้
ถือสักการะเหล่านี้ ทำกายของตนให้เป็นดังภาชนะรับเครื่องสักการะ ระลึกถึงพระคุณตามเป็นจริง
ทั้งหลาย ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น จักทำประทักษิณสิ้นวาระสามรอบซึ่งพระสถูป
(พระพุทธปฏิมา) นี้
บูชาอยู่ด้วยสักการะอันถือไว้แล้วอย่างไร
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอเชิญพระผู้มีพระภาคเจ้าแม้เสด็จปรินิพพาน
นานมาแล้ว ยังปรากฏอยู่ด้วยพระคุณสมบัติอันข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายจะพึงรู้
โดยความเป็นอดีตารมณ์ จงทรงชัยเครื่องสักการะ อันข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายถือ
ไว้แล้วนี้ เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข
แก่ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนาน เทอญ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น