บทสวด อธิกรณสมถะ ๗
อิเม โข ปะนายัส๎มันโต สัตตาธิกะระณะสะมะถา ธัมมา อุทเทสัง อาคัจฉันติ.
อิเม โข ปะนายัส๎มันโต สัตตาธิกะระณะสะมะถา ธัมมา อุทเทสัง อาคัจฉันติ.
อุปปันนุปปันนานัง อะธิกะระณานัง สะมะถายะ วูปะ สะมายะ
สัมมุขาวินะโย ทาตัพโพ , สะติวินะโย ทาตัพโพ , อะมูฬ๎หะวินะโย
ทาตัพโพ , ปะฏิญญาตะกะระณัง , เยภุยยะสิกา , ตัสสะ ปาปิยะสิกา , ติณะวัตถาระโกติ.
ทาตัพโพ , ปะฏิญญาตะกะระณัง , เยภุยยะสิกา , ตัสสะ ปาปิยะสิกา , ติณะวัตถาระโกติ.
อุททิฏฐา โข อายัส๎มันโต สัตตาธิกะระณะสะมะถา ธัมมา.
ตัตถายัส๎มันเต ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา ?
ทุติยัมปิ ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา ?
ตะติยัมปิ ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา ?
ปะริสุทเธตถายัส๎มันโต ตัส๎มา ตุณ๎หี , เอวะเมตัง ธาระยามิ.
สัตตาธิกะระณะสะมะถา นิฏฐิตา.
ตัตถายัส๎มันเต ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา ?
ทุติยัมปิ ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา ?
ตะติยัมปิ ปุจฉามิ. กัจจิตถะ ปะริสุทธา ?
ปะริสุทเธตถายัส๎มันโต ตัส๎มา ตุณ๎หี , เอวะเมตัง ธาระยามิ.
สัตตาธิกะระณะสะมะถา นิฏฐิตา.
อุททิฏฐัง โข อายัส๎มันโต นิทานัง ,
อุททิฏฐา จัตตาโร ปาราชิกา ธัมมา ,
อุททิฏฐา เตระสะ สังฆาทิเสสา ธัมมา ,
อุททิฏฐา เท๎ว อะนิยะตา ธัมมา.
อุททิฏฐา ติงสะ นิสสัคคิยา ปาจิตติยา ธัมมา ,
อุททิฏฐา เท๎วนะวุติ ปาจิตติยา ธัมมา ,
อุททิฏฐา จัตตาโร ปาฏิเทสะนียา ธัมมา ,
อุททิฏฐา (ปัญจะสัตตะติ) เสขิยา ธัมมา ,
อุททิฏฐา สัตตาธิกะระณะสะมะถา ธัมมา ,
อุททิฏฐา จัตตาโร ปาราชิกา ธัมมา ,
อุททิฏฐา เตระสะ สังฆาทิเสสา ธัมมา ,
อุททิฏฐา เท๎ว อะนิยะตา ธัมมา.
อุททิฏฐา ติงสะ นิสสัคคิยา ปาจิตติยา ธัมมา ,
อุททิฏฐา เท๎วนะวุติ ปาจิตติยา ธัมมา ,
อุททิฏฐา จัตตาโร ปาฏิเทสะนียา ธัมมา ,
อุททิฏฐา (ปัญจะสัตตะติ) เสขิยา ธัมมา ,
อุททิฏฐา สัตตาธิกะระณะสะมะถา ธัมมา ,
เอตตะกันตัสสะ ภะคะวะโต สุตตาคะตัง
สุตตะปะริยาปันนังอัน๎วัฑฒะมาสัง อุทเทสัง อาคัจฉะติ.
ตัตถะ สัพเพเหวะ สะมัคเคหิ สัมโมทะมาเนหิ อะวิวะ ทะมาเนหิ สิกขิตัพพันติ.
ตัตถะ สัพเพเหวะ สะมัคเคหิ สัมโมทะมาเนหิ อะวิวะ ทะมาเนหิ สิกขิตัพพันติ.
ภิกขุปาฏิโมกขัง
นิฏฐิตัง.
คำแปลบทสวดอธิกรณสมถะ ๗
ท่านทั้งหลาย
ธรรมชื่ออธิกรณสมถะ ๗ เหล่านี้แล ย่อมมาสู่ อุทเทส.
เพื่อความสงบ
เพื่อความระงับ ซึ่งอธิกรณ์ทั้งหลาย ที่เกิดขึ้นแล้ว ที่เกิดขึ้นแล้ว
พึงให้ระเบียบอันจะพึงทำให้ถึงพร้อมหน้า พึงให้ระเบียบยกเอาสติขึ้นเป็นหลัก
พึงให้ระเบียบที่ให้แก่ภิกษุผู้หายเป็นบ้าแล้ว ( พึงให้ ) ทำตามรับ ( พึงให้ )
ตัดสินเอาตามคำของคนมากเป็นประมาณ ( พึงให้ ) กิริยาที่ลงโทษแก่ผู้ผิด ( พึงให้ )
ระเบียบดังกลบไว้ด้วยหญ้า.
ท่านทั้งหลาย
ธรรมชื่ออธิกรณสมถะ ๗ อันข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้วแล ข้าพเจ้าถามท่านทั้งหลายในเรื่องนั้น
ท่านทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธ์แล้วหรือ? ข้าพเจ้าถามแม้ครั้งที่ ๒
ท่านทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธ์แล้วหรือ? ข้าพเจ้าถามแม้ครั้งที่ ๓
ท่านทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธ์แล้วหรือ? ท่าน ทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธ์แล้วในเรื่องนั้นเพราะฉะนั้น
จึงนิ่ง.ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้.
อธิกรณสมถะ ๗ จบ.
ท่านทั้งหลาย
คำนิทาน ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้วแล ธรรมทั้งหลายชื่อปาราชิก ๔ ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว
ธรรมทั้งหลายชื่อ สังฆาทิเสส ๑๓ ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว
ธรรมทั้งหลายชื่ออนิยต
๒ ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว ธรรมทั้งหลาย ชื่อนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐
ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว ธรรมทั้งหลายชื่อปาจิตตีย์ ๙๒ ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว
ธรรมทั้งหลายชื่อปาฏิเทสนียะ ๔ ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว ธรรมทั้งหลายชื่อเสขิยะ
ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว ธรรม ทั้งหลายชื่ออธิกรณสมถะ ๗ ข้าพเจ้าแสดงขึ้นแล้ว
คำเท่านี้
ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น นับเนื่องในสูตรแล้ว มาในสูตรแล้ว ย่อมมาสู่อุทเทสทุกๆ
กึ่งเดือน. อันภิกษุทั้งหลายทั้งปวง นั่นแล พึงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน
เป็นผู้ชื่นชมด้วยดีอยู่ เป็นผู้ไม่วิวาทอยู่ ศึกษาในพระปาฏิโมกข์นั้นดังนี้.
ภิกขุปาฏิโมกข์ จบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น