วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชราสูตรแปล

ชราสูตรแปล

อปฺปํ วต ชีวิตํ อิทํ โอรํ วสฺสสตาปิ มิยฺยติ สเจปิ อติจฺจ ชีรติ อถ โข โส ชรสาปิ มิยฺยติ
ชีวิตนี้น้อยหนักหนาจะตายภายในแค่ร้อยปีเป็นแท้แม้ถ้าว่าเขาเป็นอยู่ได้เกินกว่านั้นเขา ย่อมตาย แม้เพราะชราโดยแท้แล
โสจนฺติ ชนา มมายิเต น หิ สนฺติ นิจฺจา ปริคฺคหา วินาภาวสนฺตเมวิทํ อิติ ทิสฺวา นาคารมาวเส
หมู่ชนย่อมเศร้าโศก เพราะยึดถือว่าของเราก็เพราะตามยึดถือทั้ง หลายจะเป็นความ เที่ยงแท้ย่อมไม่มี เพราะความเป็นต่าง ๆ ที่มีอยู่แน่แท้บัณฑิตเห็นดังนี้แล้ว จึงไม่อยู่ครองเรือน
มรเณนปิ ตํ ปหิยฺยติ ยํ ปุริโส มม ยิทนฺติ มญฺญติ เอตมฺปิ วิทิตฺวา ปัณฑิโต นมมตฺตาย นเมถ นามโก
บุรุษสำคัญอยู่ซึ่งสิ่งใดว่า นี้เป็นของเราสิ่งนั้นเขาต้องละไป เพราะมรณะเป็นแท้บัณฑิตผู้มีความนับถือ ทราบอาทีนพโทษถึงเพียงนี้แล้ว ไม่พึงน้อมใจเพื่อจะยึดถือว่าเป็นของเรา
สุปิเณน ยถา สํคตํ ปฏิพุทฺโธ ปุริโส น ปสฺสติ เอวมฺปิ ปิยาติตํ ชนํ เปตํ กาลกตํ น ปสฺสติ
บุรุษตื่นนอนแล้วย่อมไม่เห็นอะไร ๆ อันได้ประสบแล้ว เพราะความฝัน แม้ฉันใด แม้บุคคลก็จะไม่เห็นชนอันตนเคยรักใคร่ที่ทำกาละล่วงไปแล้วฉันนั้น
ทิฏฺฐาปิ สุตาปิ เต ชนา เยสํ นามปิทํ ปวุจฺจติ นามเวม สิสฺสติ อกฺเขยฺยํ เปตสฺส ชนฺตุโน
หมู่ชนที่เรียกได้ว่า ชื่อนี้ เมื่อเขาล่วงไปแล้วชื่อเท่านั้นจะปรากฏเหลืออยู่ชนผู้เกาะเกี่ยวในอารมณ์อันถือว่าของเรา ละไม่ได้
โสกปริเทวมจฺเฉรํ น ชนฺติ คิทฺธา มมายิเต ตสฺมา มุนโน ปริคฺคหํ หิตฺวา อจรึสุ เขมทสฺสิโน
ซึ่งความโศกความคร่ำครวญและความหวงแหนเพราะฉะนั้น พระมุนีผู้เห็นที่อันนเกษมจึงได้ละความยึดถือเที่ยวไปแล้ว
ปฏิลีนจรสฺส ภิกฺขุโน ภชมานสฺส วิวิตฺตมานสํ มามคฺคิยมาหุตสฺสตํ โย อตฺตานํ ภาวเนน ทสฺสเส
เมื่อภิกษุมีความประพฤติหลีกเล้นบริโภคเสนาสนะอันสงัดอยู่ปราชญ์กล่าวการปฎิบัติของท่านผู้ไม่แสดงตนในภพนั้นว่า เป็นความพร้อมเพรียงแล้ว
สพฺพตฺถ มุนิ อนิสสิโต น ปิยํ กุพฺพติ โนปิ อปฺปิยํ สตฺมึ ปริเทวมจฺฉรํ ปณฺเณ วาริ ยถา น ลิปฺปติ
พระมุนีผู้ไม่อาศัยอะไรทั้งสิ้นแล้วย่อมไม่ทำใคร ๆและอะไร ๆ ให้เป็นที่รักหรือให้เป็นที่ไม่น่ารัก ความคร่ำครวญและความหวงแหน ก็ไม่ซึมซาบในท่านได้ เหมือนนน้ำบนใบบัวฉะนั้น
อุทพินฺทุ ยถาปิ โปกฺขเร ปทุเม วาริ ยถา น ลิปฺปติ เอวํ มุนิโน ปลิปฺปติ ยทิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุเตสุ วา
เปรียบเหมือนหยาดน้ำในใบบัวและในดอกบัวย่อมไม่ซึมซาบฉันใดพระมุนีย่อมมไม่ติดข้องอยู่ในอารมณ์ที่ได้เห็น ได้ฟัง ได้ลิ้มรสแล้วฉันนั้น
โธโน น หิเต น มญฺญติ ยทิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุเตสุ วา นาญฺเญน วิสุทฺธิมิจฺฉติ น หิ โส รชฺชติ โน วิรชฺชติ
ท่านผู้มีปัญญากำจัดกิเลสได้ ย่อมไม่สำคัญตามอารมณ์ ที่ได้เห็น ได้ฟังได้ดมและลิ้มรสนั้นเลย ท่านไม่ปรารถนาความบริสุทธิ์ ด้วยมิจฉาปฏิบัติอย่างอื่นทั้งไม่ยินดียินร้าย
เอตฺตกานมฺปิ ฐานานํ อตฺถํ อญฺญาย สาธุกํ ปฏิปชฺเชถ เมธาวี อโมฆํ ชีวิตํ ยถาติ

ปราชญ์รู้เนื้อความแห่งพระบาลีแม้เหล่านี้ดีแล้ว พึงปฏิบัติโดยทางที่ชีวิตจักไม่เปล่าจากประโยชน์ ดังนี้แล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น