ชราสูตรแปล
อปฺปํ
วต ชีวิตํ อิทํ โอรํ วสฺสสตาปิ มิยฺยติ สเจปิ อติจฺจ ชีรติ อถ โข โส ชรสาปิ มิยฺยติ
ชีวิตนี้น้อยหนักหนาจะตายภายในแค่ร้อยปีเป็นแท้แม้ถ้าว่าเขาเป็นอยู่ได้เกินกว่านั้นเขา
ย่อมตาย แม้เพราะชราโดยแท้แล
โสจนฺติ
ชนา มมายิเต น หิ สนฺติ นิจฺจา ปริคฺคหา วินาภาวสนฺตเมวิทํ อิติ ทิสฺวา นาคารมาวเส
หมู่ชนย่อมเศร้าโศก
เพราะยึดถือว่าของเราก็เพราะตามยึดถือทั้ง หลายจะเป็นความ เที่ยงแท้ย่อมไม่มี เพราะความเป็นต่าง
ๆ ที่มีอยู่แน่แท้บัณฑิตเห็นดังนี้แล้ว จึงไม่อยู่ครองเรือน
มรเณนปิ
ตํ ปหิยฺยติ ยํ ปุริโส มม ยิทนฺติ มญฺญติ เอตมฺปิ วิทิตฺวา ปัณฑิโต นมมตฺตาย นเมถ นามโก
บุรุษสำคัญอยู่ซึ่งสิ่งใดว่า
นี้เป็นของเราสิ่งนั้นเขาต้องละไป เพราะมรณะเป็นแท้บัณฑิตผู้มีความนับถือ ทราบอาทีนพโทษถึงเพียงนี้แล้ว
ไม่พึงน้อมใจเพื่อจะยึดถือว่าเป็นของเรา
สุปิเณน
ยถา สํคตํ ปฏิพุทฺโธ ปุริโส น ปสฺสติ เอวมฺปิ ปิยาติตํ ชนํ เปตํ กาลกตํ น ปสฺสติ
บุรุษตื่นนอนแล้วย่อมไม่เห็นอะไร
ๆ อันได้ประสบแล้ว เพราะความฝัน แม้ฉันใด แม้บุคคลก็จะไม่เห็นชนอันตนเคยรักใคร่ที่ทำกาละล่วงไปแล้วฉันนั้น
ทิฏฺฐาปิ
สุตาปิ เต ชนา เยสํ นามปิทํ ปวุจฺจติ นามเวม สิสฺสติ อกฺเขยฺยํ เปตสฺส ชนฺตุโน
หมู่ชนที่เรียกได้ว่า
ชื่อนี้ เมื่อเขาล่วงไปแล้วชื่อเท่านั้นจะปรากฏเหลืออยู่ชนผู้เกาะเกี่ยวในอารมณ์อันถือว่าของเรา
ละไม่ได้
โสกปริเทวมจฺเฉรํ
น ชนฺติ คิทฺธา มมายิเต ตสฺมา มุนโน ปริคฺคหํ หิตฺวา อจรึสุ เขมทสฺสิโน
ซึ่งความโศกความคร่ำครวญและความหวงแหนเพราะฉะนั้น
พระมุนีผู้เห็นที่อันนเกษมจึงได้ละความยึดถือเที่ยวไปแล้ว
ปฏิลีนจรสฺส
ภิกฺขุโน ภชมานสฺส วิวิตฺตมานสํ มามคฺคิยมาหุตสฺสตํ โย อตฺตานํ ภาวเนน ทสฺสเส
เมื่อภิกษุมีความประพฤติหลีกเล้นบริโภคเสนาสนะอันสงัดอยู่ปราชญ์กล่าวการปฎิบัติของท่านผู้ไม่แสดงตนในภพนั้นว่า
เป็นความพร้อมเพรียงแล้ว
สพฺพตฺถ
มุนิ อนิสสิโต น ปิยํ กุพฺพติ โนปิ อปฺปิยํ สตฺมึ ปริเทวมจฺฉรํ ปณฺเณ วาริ ยถา น ลิปฺปติ
พระมุนีผู้ไม่อาศัยอะไรทั้งสิ้นแล้วย่อมไม่ทำใคร
ๆและอะไร ๆ ให้เป็นที่รักหรือให้เป็นที่ไม่น่ารัก ความคร่ำครวญและความหวงแหน ก็ไม่ซึมซาบในท่านได้
เหมือนนน้ำบนใบบัวฉะนั้น
อุทพินฺทุ
ยถาปิ โปกฺขเร ปทุเม วาริ ยถา น ลิปฺปติ เอวํ มุนิโน ปลิปฺปติ ยทิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุเตสุ
วา
เปรียบเหมือนหยาดน้ำในใบบัวและในดอกบัวย่อมไม่ซึมซาบฉันใดพระมุนีย่อมมไม่ติดข้องอยู่ในอารมณ์ที่ได้เห็น
ได้ฟัง ได้ลิ้มรสแล้วฉันนั้น
โธโน
น หิเต น มญฺญติ ยทิทํ ทิฏฺฐํ สุตํ มุเตสุ วา นาญฺเญน วิสุทฺธิมิจฺฉติ น หิ โส รชฺชติ
โน วิรชฺชติ
ท่านผู้มีปัญญากำจัดกิเลสได้
ย่อมไม่สำคัญตามอารมณ์ ที่ได้เห็น ได้ฟังได้ดมและลิ้มรสนั้นเลย ท่านไม่ปรารถนาความบริสุทธิ์
ด้วยมิจฉาปฏิบัติอย่างอื่นทั้งไม่ยินดียินร้าย
เอตฺตกานมฺปิ
ฐานานํ อตฺถํ อญฺญาย สาธุกํ ปฏิปชฺเชถ เมธาวี อโมฆํ ชีวิตํ ยถาติ
ปราชญ์รู้เนื้อความแห่งพระบาลีแม้เหล่านี้ดีแล้ว
พึงปฏิบัติโดยทางที่ชีวิตจักไม่เปล่าจากประโยชน์ ดังนี้แล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น