วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คำสวดเมตตานิสังสะสุตตะปาโฐ

คำสวดเมตตานิสังสะสุตตะปาโฐ
เอวัมเม  สุตังฯ  เอกัง  สะมะยัง  ภะคะวา  สาวัตถิยัง  วิหะระติ  เชตะวะเน  อะนาถะปิณฑิกัสสะ  อาราเมฯ  ตัตํระ  โข  ภะคะวา  ภิกขู  อามันเตสิ  ภิกขะโวติฯ  ภะทันเตติ   เต  ภิกขู  ภะคะวะโต  ปัจจัสโสสุง  ภะคะวา  เอตะทะโวจะ
เมตตายะ  ภิกขะเว  เจโตวิมุตติยา  อาเสวิตายะ  ภาวิตายะ  พะหุลีกตายะ  ยานีกะตายะ  วัตถุกะตายะ  อะนุฎฐิตายะ  ปะริจิตายะ  สุสะมารัทธายะ  เอกาทะสานิสังสา  ปาฎิกังขาฯ  กะตะเม  เอกาทะสะฯสุขัง  สุปะติ  สุขัง  ปะฎิพุชฌะติ ฯ  นะ  ปาปะกัง  สุปินัง  ปัสสะติฯ  มะนุสสานัง  ปิโย  โหติ ฯ  อะมะนุสสานัง  ปิโย  โหติฯ  เทวะตา  รักขันติฯ  นาสสะ  อัคคิ  วา  วิสัง  วา  สัตถัง  วา  กะมะติฯ  ตุวาฎัง  จิตตัง  สะมาธิยะติฯ  อุตตะริง  อัปปะฎิวิชฌันโต  พรัหมะโลกูปะโค  โหติฯ

เมตตายะ  ภิกขะเว  เจโตวิมุตติยา  อาเสวิตายะ  ภาวิตายะ  พะหุลีกะตายะ  ยานีกะตายะ  วัตถุกะตายะ  อะนุฎฐิตายะ  ปะริจิตายะ  สุสะมารัทธายะ  อิเม  เอกาทะสานิสังสา  ปาฎิกังขาติฯ  อิทะมะโวจะ  ภะคะวาฯ  อัตตะมะนา  เต  ภิกขู  ภะคะวะโต  ภาสิตัง  อะภินันทุนติฯ   

คำแปล
     อันข้าพเจ้าคือพระอานนท์เถระ, ได้สดับมาแล้วอย่างนี้, สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า, เสด็จประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร, อารามของอนาถะบิณฑิกะคฤหบดีแห่งสาวัตถี, ในการนั้นแล, พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสเรียกพระภิกษุทั้งหลายว่า, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ภิกษุเหล่านั้นทูลรับว่า, ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ,
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสคำนี้ว่า....
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมตตาอันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นแห่งจิตนี้, อันบุคคลบำเพ็ญจนคุ้นแล้ว, ทำให้มากแล้ว, ทำให้มากแล้วคือชำนาญให้ยิ่ง, เป็นที่พึ่งของใจ, ทำให้เป็นที่อยู่ของใจตั้งไว้เป็นนิจ, อันบุคคลสั่งสมอบรมแล้ว บำเพ็ญให้มากแล้ว, ย่อมมีอานิสงส์สิบเอ็ดประการ อย่างนี้,
อานิสงส์ ๑๑ ประการ อะไรบ้าง, ผู้เจริญเมตตาจิตนั้น ย่อมหลับเป็นสุข, เมื่อตื่นขึ้นก็ย่อมอยู่เป็นสุข, หลับอยู่ก็ไม่ฝันร้าย, เป็นที่รักของเหล่ามนุษย์ทั้งหลาย, เป็นที่รักของเหล่าอมนุษย์ทั้งหลาย, เทวดาย่อมคุ้มครองรักษา, ไฟก็ดี ยาพิษก็ดี ศัสตราก็ดี, ย่อมทำอันตรายไม่ได้เลย, จิตย่อมเป็นสมาธิได้รวดเร็วอย่างยิ่ง, ผิวหน้าย่อมผ่องใส, เป็นผู้ไม่ลุ่มหลงเมื่อทำกาลกิริยาตาย, เมื่อยังไม่บรรลุคุณวิเศษ อันยิ่งๆ ขึ้นไป, ย่อมเป็นผู้เข้าถึงพรหมโลกแล,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, เมตตาอันเป็นไปเพื่อความหลุดพ้นแห่งจิตนี้, อันบุคคลบำเพ็ญจนคุ้นแล้ว, ทำให้มากแล้ว,ทำให้มากแล้วคือชำนาญให้ยิ่ง, เป็นที่พึ่งของใจ, ทำให้เป็นที่อยู่ของใจตั้งไว้เป็นนิจ, อันบุคคลสั่งสมอบรมแล้ว, บำเพ็ญให้มากแล้ว, ย่อมมีอานิสงส์ ๑๑ ประการอย่างนี้แล,
พระผู้มีพระภาคเจ้า, ได้ตรัสธรรมปริยายอันนี้แล้ว, พระภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น, ก็มีใจยินดีพอใจในภาษิตของพระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้น ด้วยประการฉะนี้แล.

หมายเหตุ : หมั่นท่องภาวนาเป็นประจำจะทำให้พ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง

     บทสวดมนต์เมตตานิสังฺสะสุตตะปาโฐ เป็นบทสวดที่พระธุดงค์นิยมใช้ เพราะว่าเป็นบทสวดมนต์ที่ใช้แผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ อีกทั้งบทสวดนี้ยังเป็นเสมือนเกราะป้องกันภยันอันตรายต่างๆนาๆไม่ให้มากร้ำกรายผู้อาราธนาได้ บางคนเข้าใจผิดว่าบทสวดนี้เป็นบทสวดใช้ใล่ผี จริงๆแล้วเป็นบทสวดแผ่เมตตมากกว่า ถ้าหากยึดตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ไม่เคยสอนให้ไปไล่ใคร มีแต่สอนให้โปรด สอนให้ปลง สอนให้เห็นทางดับทุกข์ ดังนั้นการที่เราได้สวดบทเมตตานิสังฺสะสุตฺตะปาโฐนี้แล้ว ก็เท่ากับว่าเราได้ช่วยเหลือดวงวิณญานที่ยังวนเวียนให้ดับทุกข์ได้ อีกทั้งยังเป็นการสร้างบุญกุศลได้อีกทางหนึ่งได้เช่นกัน

   กล่าวโดยสรุปแล้วไม่ว่าจะบทสวดใดๆที่ถูกบัญญัติขึ้นโดยผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม ล้วนแล้วแต่มีคุณทั้งสิ้นแม้กระทั่งการตรึกระลึกนึกถึงคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้า นับอสงไขยพระองค์ไม่ถ้วนล้วนแล้วแต่มีคุณทั้งนั้น ซึ่งต่างจากไสยเวทย์ ที่มีวัตถุประสงค์ไปในทางที่ผิด ใครได้ลองหรือหลงทางไปในทางนั้นถ้าหากกลับตัวไม่ทัน ก็มีอุบายเป็นที่ไปเช่นกัน

2 ความคิดเห็น:

  1. สาธูครับ กราบขอบพระคุณอย่ายิ่ง.. ที่นำมาเผยแผ่..นับว่าเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง

    ตอบลบ
  2. สาธูครับ กราบขอบพระคุณอย่ายิ่ง.. ที่นำมาเผยแผ่..นับว่าเป็นมหากุศลอย่างยิ่ง

    ตอบลบ