วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ท้ายมะหาสะมะยะสูตร

ท้ายมะหาสะมะยะสูตร
            สัฎเฐเต  เทวะนิกายา                       สัพเพ  นานัตตะวัณณิโน
นามันวะเยนะ  อาคัญฉุง                             เย  จัญเญ  สะทิสา  สะหะ
ปะวุตถะชาติมักขีลัง                                   โอฆะติณณะมะนาสะวัง
ทักเข  โมฆะตะรัง  นาคัง                            จันทังวะ  อะสิตาติตัง
สุพํรัหํมา  ปะระมัตโต  จะ                          ปุตตา  อิทธิมะโต  สะหะ
สันนังกุมาโร  ติสโส  จะ                             โสปาคะ  สะมิติง  วะนัง
สะหัสสะพํรัหํมะโลกานัง                          มะหาพํรัหํมาภิติฎฐะติ
อุปะปันโน  ชุติมันโต                                  ภิสํมากาโย  ยะสัสสิ  โส
ทะเสตถะ  อิสสะรา  อาคู                           ปัจเจกะวะสะวัตติโน
เตสัญจะ  มัชณะโต  อาคา                           หาริโต  ปะริวาริโต
เต  จะ  สัพเพ  อะภิกกันเต                          สินเท  เทเว  สะพํรัหํมะแก
มาระเสนา  อะภิกกามิ                                 ปัสสะ  กัณํหัสสะ  มันทิยัง
เอถะ  คัณหะถะ  พันธะถะ                         ราเคนะ  พันธะมัตถุ  โว
สะมันตา  ปะริวาเรถะ                                 มา  โว  มุญจิตถะ  โกจิ  นัง
อิติ  ตัตถะ  มะหาเสโน                                กัณํหะ  เสนัง  อะเปสะยิ
ปาณินา  ตะละมาหัจจะ                               สะรัง  กัตํวานะ  เภระวัง
ยะถา  ปาวุสสะโก  เมโฆ                            ถะนะยันโต  สะวิชชุโก
ตะทา  โส  ปัจจุทาวัตติ                                สังกุทโธ  อะสะยัง  วะเส
ตัญจะ  สัพพัง  อะภิญญายะ                        วะวักขิตํวานะ  จักขุมา
ตะโต  อามันยะติ  สัตถา                             สาวะเก  สาระเน  ระเต
มาระเสนา  อะภิกกันตา                              เต  วิชานาถะ  ภิกขะโว
เต  จะ  อาตัปปะมะกะรุง                            สุตํวา  พุทธัสสะ  สาสะนัง
วีตะราเคหิ  ปักกามุง                                   เนสัง  โลมัมปิ  อิญชะยุง
สัพเพ  วิชิตะสังคามา                                  ภะยาตีตา  ยะสัสสิโน
โมทันติ  สะหะ  ภูเตหิ                                 สาวะกา  เต  ชะเนสุตาติ ฯ
คำแปลท้ายมหาสมัยสูตร
หมู่เทวดา ๖๐ เหล่านี้ ทั้งหมดล้วนมีรัศมีต่างๆ กัน มาแล้วโดยกำหนดชื่อ และ เทวดาเหล่าอื่นผู้เช่นกัน มาพร้อมกันด้วยคิดว่า เราทั้งหลายจักเห็นพระนาค ผู้ปราศจากชาติ ไม่มีกิเลสดุจตะปู มีโอฆะอันข้ามแล้ว ไม่มีอาสวะ ข้ามพ้นโอฆะ ผู้ล่วงความยึดถือได้แล้ว ดุจพระจันทร์พ้นจากเมฆฉะนั้น. ฯ

สุพรหมและปรมัตตพรหม ซึ่งเป็นบุตรของพระพุทธเจ้าผู้มีฤทธิ์ ก็มาด้วย สนังกุมารพรหม และติสสพรหมแม้นั้น ก็มายังป่าอันเป็นที่ประชุมของภิกษุ ท้าวมหาพรหมย่อมปกครองพรหมโลกพันหนึ่ง ท้าวมหาพรหมนั้นบังเกิดแล้วในพรหมโลก มีอานุภาพ มีกายใหญ่โต มียศ ก็มา พรหม ๑๐ พวก ผู้เป็น อิสระในพวกพรหมพันหนึ่ง มีอำนาจเป็นไปเฉพาะองค์ละอย่างก็มา มหาพรหมชื่อหาริตะ อันบริวารแวดล้อมแล้ว มาในท่ามกลางพรหมเหล่านั้น มารเสนา ได้เห็นพวกเทวดา พร้อมทั้ง พระอินทร์พระพรหมทั้งหมดนั้น ผู้มุ่งมา ก็มาด้วย แล้วกล่าวว่าท่านจงดูความเขลาของมาร พระยามารกล่าวว่า พวกท่านจงมาจับ เทวดาเหล่านี้ผูกไว้ ความผูกด้วยราคะ จงมีแก่ท่านทั้งหลาย พวกท่านจงล้อมไว้โดยรอบ อย่าปล่อยใครๆ ไป พระยามารบังคับเสนามารในที่ประชุมนั้นดังนี้แล้ว เอาฝ่ามือตบแผ่นดิน กระทำเสียงน่ากลัว เหมือนเมฆยังฝนให้ตก คำรามอยู่ พร้อมทั้งฟ้าแลบ ฉะนั้น เวลานั้น พระยามารนั้นไม่อาจยังใครให้เป็นไป ในอำนาจได้ โกรธจัด กลับไปแล้ว พระศาสดาผู้มีพระจักษุทรงพิจารณาทราบเหตุนั้นทั้งหมด แต่นั้น จึงตรัสเรียกสาวกผู้ยินดีในพระศาสนาตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มารเสนามาแล้ว พวกเธอจงรู้จักเขา ภิกษุเหล่านั้นสดับพระดำรัสสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ได้กระทำความเพียร มารและเสนามารหลีกไป จากภิกษุผู้ปราศจากราคะ ไม่ยังแม้ขนของท่านให้ไหว (พระยามารกล่าวสรรเสริญว่า) พวกสาวกของพระองค์ทั้งหมดชนะสงครามแล้ว ล่วงความกลัวได้แล้ว มียศปรากฏในหมู่ชน บันเทิงอยู่กับด้วยพระอริยเจ้า ผู้เกิดแล้วในพระศาสนา ดังนี้แล. ฯ

1 ความคิดเห็น:

  1. ไมม่มีย่อคร้บในยูทูบ.หาดูแล้วม่มีเลย��แบบเสียงสวดอะครับ

    ตอบลบ