วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2559

คุณและอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ (๒)

คุณและอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ
เท่าที่ปรากฏเห็นประจักษ์แล้ว
รื่องที่  ๑๑
                                                                                                                กองวิทยาการ  กรมโลหกิจ
๒๓  ตุลาคม  ๒๔๙๙
นายอนันต์   คณานุรักษ์  ที่นับถือ
                คงจำผมได้เมื่อคราวไปเยี่ยมที่บ้านปัตตานี  และรับแจกพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  จากคุณมา ๔  องค์
                บัดนี้ผมมีจิตศรัทธา  อยากจะร่วมสร้างโบสถ์  ณ วัดช้างให้  และปฎิสังขรณ์เจดีย์ที่บรรจุอัฐิหลวงพ่อทวดจึงได้ส่งเงินมาพร้อมจดหมายนี้ ๑,๐๐๐ บาท (หนึ่งพันบาท)ในนามคุณเป็นผุ้รับ  ขอได้รับเงินนี้และดำเนินการทำบุญตามที่ผมศรัทธาด้วย
                                                                                 ขอแสดงความนับถือจากผม

                                                                                                    ขุนโลหภุมิพิทยานุการ
เรื่องที่ ๑๒
                เป็นจ.ม. ของท่านขุนโลหภูมิพิทยานุการ  ถึงข้าพเจ้าฉบับที่ ๒ ความว่า  เรื่องเกี่ยวกับพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ  สำหรับผมได้รับความคุ้มครองจากท่านเป็นอย่างดี  ผมนำท่านติดตัวไปเสมอ ปรากฏว่าได้มีอภินิหารที่ท่านได้ช่วยคุ้มครองภรรยาของผม   คือเวลาภรรยาของผมไปไหนมาไหนได้นะพระเครื่องติดตัวไปเสมอ   วันหนึ่งนั่งรถยนต์ที่บ้านจะไปธุระพอถึงถนนสี่แยกรถเกิดเครื่องดับทันที   สตาร์ทก็ไม่ติด  ทันทีนั้นก็มีรถยนต์อีกคันหนึ่งที่วิ่งสวนมา  ทำให้รถยนต์คันนั้นแฉลบขึ้นทางเท้าเกิดเสียหายมาก   เมื่อรถเขาชนแล้ว  รถภรรยาผมก็สตาร์ทติดวิ่งได้ต่อไปเป็นปกติ  ผมคิดว่าหลวงพ่อทวดฯ  ท่านคงแสดงอภินิหารคุ้มครองไว้  รถผมจึงวิ่งปลอดภัยจากการถูกชนและก็มีบ่อยๆ ที่ผมขับรถไปมักจะแคล้วคลาดจากอุปัทวเหตุนานาประการเสมอ  ส่วนโชคลาภนั้นพอประมาณ
                                                                                                                    รักและนับถือ
                                                                                                          ขุนโลหภูมิพิทยานุการ
เรื่องที่ ๑๓
                กองบังคับการตำรวจภูธรภาค  ๘  นครศรีธรรมราช
เรียนคุณอนันต์  ที่เคารพ
                ความศักดิ์สิทธิ์  และอภินิหารของพระเครื่องหลวงพ่อทวดนั้นผมมั่นใจเหลือเกินว่าต้องเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ทั้งหลาย  ทุกครั้งที่ผมมีกิจธุระ  ได้อาราธนาท่าน  ผมรู้สึกขนลุกทั้งตัวและได้กลิ่นน้ำมันจันทน์ ( ในองค์พระเครื่องไม่มีน้ำมันจันทน์ผสม )  ผมถือว่าท่านรับคำอาราธนาของผม ๆ จึงอยู่เย็นเป็นสุข  และปลอดภัยด้วยประการทั้งปวง  ผมเคารพและบูชาองค์ท่าน ด้วยใจมั่นคงและความบริสุทธิ์ใจจริง ๆ
                                                                                                                    ด้วยความรักและเคารพ

                                                                                                                ร.ต.ท.เลื่อน  อินทรสุวรรณ
เรื่องที่ ๑๔
                                                                                                                ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
๑๙    สิงหาคม  ๒๔๙๙
เรียนคุณอนันต์  ที่เคารพ
                หลังจากผมรับพระเครื่องหลวงพ่อทวดไว้แล้วประมาณ ๖-๗ วันภรรยาของผมป่วยมาก  จึงนิมนต์องค์พระลงแช่ทำน้ำมนต์แล้วให้เขาดื่ม  พร้อมกับแพทย์ฉีดยาระงับประสาท  ป่วยตอนเย็นเวลาค่ำก็หายป่วย  รุ่งขึ้นไปไหนมาไหนได้เป็นปกติ  แต่ก่อนเขาเคยเจ็บหนักมาแล้วครั้งหนึ่ง  ต้องนอนป่วยอยู่หลายวัน  การที่หายป่วยเร็วในครั้งนี้  ผมเชื่อว่าเป็นด้วยอำนาจอภินิหารของหลวงพ่อทวดช่วยเป็นแน่  เพราะการฉีดยาของแพทย์นั้น  ก็เพียงระงับประสาทให้นอนหลับเท่านั้น  การที่เขาหายป่วยต้องเป็นอำนาจอภินิหารของท่านเป็นแน่  หลังจากนั้นมาจนบัดนี้ ๑๐ กว่าวันแล้ว  ภรรยาของผมไม่มีอาการปวดศีรษะอย่างที่เคยเป็นเลย
                                                                                                    เคารพอย่างสูง
                                                                                                      ผสม  จิตขุ่ม

                                                                                               ผู้พิพากษาศาลนครราชสีมา
เรื่องที่ ๑๕
                                                                                                                โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
                                                   ๗  พฤศจิกายน ๒๔๙๙
เรียนอาจารย์   ที่เคารพยิ่ง
                คณะของผมชื่นชมยินดีที่ได้รับพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ  จากอาจารย์ยิ่ง   ได้มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นเรื่องหนึ่ง  อยากจะเรียนถามอาจารย์ว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงเป็นไปเช่นนั้น   กล่าวคือ   ในตอนบ่ายหลังจากคณะของผมรับพระเครื่องจากอาจารย์ที่ปัตตานีแล้ว  ออกเดินทางโดนรถยนต์ถึงที่พักแรม ณ  โรงเรียนสตรี จ.ยะลา  พลตรีหม่อมหลวงคำรณสุทัศน์  ณ  อยุธยา  
    ผู้บังคับการโรงเรียนเสนาธิการทหารบกได้มอบพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ  ที่เหลือจากแจกในคณะให้กับพันโท  ( เวลานี้เป็นพันเอก )  สิทธิ์  จิราโรจน์  ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของคณะ   ก่อนจะเข้านอนท่านได้เก็บพระไว้ในกระเป๋าเดินทาง   แล้วตั้งไว้ใต้เตียงบนหัวนอน  และพากันนอนเวลา ๔ ทุ่ม  เวลาประมาณตีสอง  ท่านรู้สึกหนาวจึงลืมตาขึ้น   ปรากฏว่าได้นอนอยู่บนกระเบื้องกันสาด   ซึ่งไม่ทราบว่าออกไปได้อย่างไร  ท่านออกไปนอนอยู่ด้านสุดของกันสาดหากพลิกตัวนิดเดียวก็จะพลัดตกลงพื้นดินแน่และอาจจะได้รับบาดเจ็บ  ท่านรู้สึกตกใจมาก  ปลุกคนโน้นคนนี้ยุ่งไปหมดเล่าเรื่องให้เพื่อน ๆ นายทหารฟังเสียงสั่นละล่ำละลักพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง  เพราะความตื่นตกใจมากเกินไป  นายทหารทุกคนพากันวิจารณ์ต่าง ๆ นานา  สรุปแล้วทุกคนเชื่อแน่ว่า  ต้องเกี่ยวกับพระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบทะเลน้ำจืด  เป็นแน่แต่ไม่ทราบว่าท่านจะลงโทษในเรื่องใด  หรือแสดงว่าแม้แต่เวลานอนหลับก็ให้ความคุ้มครอง   ให้ปลอดภัยจากการตกจากหลังคากันสาด  ผมจึงตัดสินใจถามมา   ผมรู้สึกว่าเกิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ผลดีมาก  ทำให้พวกผมทุก ๆ คนเกิดความเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อทวด ฯ  ขึ้นมาประหลาด  จึงเรียนมาให้ทราบ
                                                                                                      ด้วยความเคารพนับถือ
                                                                                                 พันเอก  ประสิทธิ์  เวชสวรรค์
                หลังจากรับจ.ม.ของพันเอกประสิทธิ์แล้ว  ก็ได้รับจ.ม. ของพลตรีสิทธิ์  จิรโรจน์  ดังนี้

โรงเรียนเสนาธิการทหารบก๒๙ กุมภาพันธ์  ๒๔๙๙
เรียนคุณอนันต์  ที่เคารพ
                เรื่องอภินิหารของหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดนี้ว่าคงได้รับทราบแล้ว  เพราะเกิดกับตัวผมเอง  คือผมเป็นผู้อำนวยการศึกษา  ของนายทหารโรงเรียนชุดที่ไปทั้งหมด  วันนั้นผู้บังคับการโรงเรียนรับพระจากคุณมาแล้วออกรถเดินทางถึงจังหวัดยะลา  ท่านผู้บัญชาหารมอบพระให้ผมทั้งหมด  เพื่อแจกจ่ายแก่นายทหารในเย็นวันนั้น  พอเวลาค่ำนายทหารชุมนุมพร้อมกัน  ผมจึงจ่ายพระให้ทุกๆ นาย  แต่บางส่วนไม่ยอมรับเพราะเหตุใดผมไม่ทราบ  พระจึงคงเหลืออีก ๑๐ องค์ผมจึงเอาห่อพระใส่ไว้ในกระเป๋าเดินทาง  ซึ่งตั้งอยู่ปลายตีนเตียงนอน   เมื่อใส่พระแล้วผมจึงเลื่อนมาตั้งใต้เตียงตอนหัวนอน  คิดว่าคงไม่เป็นการลบหลู่พระแต่อย่างใด   ที่ไหนได้ผมตื่นขึ้นปรากฏว่า  ผมนอนอยู่ชายคากันสาดด้านซ้ายสุด  ถ้าพริกตัวทีเดียวก็คงตกลงพื้นดินจะได้รับบาดเจ็บ  ผมไม่เคยนอนละเมอเลยประตูห้องนอนก็ปิด   ผมรู้สึกผิดปกติจึงขอขมาอภัยต่อท่าน   จากนั้นก็หลับสบาย  นายทหารทราบข่าวนี้จึงขอพระเพิ่มอีก  กรุณาส่งสัก ๕๐ องค์  จะได้แจกจ่ายแก่นายทหารต่อไป
                                                                                                                   ขอแสดงความนับถือ

                                                                                                                  พลตรี  สิทธิ์  จิรโรจน์
เรื่องที่ ๑๖
๒๘๗     ถนนอำนวยสงคราม  พระนคร
๑๖    พฤศจิกายน  ๒๔๙๙
เรียนอาจารย์   ที่เคารพ
                สำหรับอภินิหารพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ  นั้นได้ปรากฏขึ้นแก่ผมครั้งหนึ่ง   คือตั้งแต่ผมกลับจากทัศนาจรภาคใต้พร้อมด้วยคณะนายทหารแล้ว   ผมเก็บพระไว้บนหิ้งพระที่บ้านมิได้เอาติดตัวไปไหนเลย   วันหนึ่งผมเอาพระหลวงพ่อทวด ฯ ไปให้ช่างเลี่ยมเพื่อห้อยคอ  จึงพกใส่กระเป๋าเสื้อไปผมขับรถมอเตอร์ไซร์พ่วงข้าง   แล่นออกจากตรอกด้วยความเร็ว  ไม่ทันเห็นรถแท็กซี่เรโนล์มาทางซ้ายเกิดปะทะกับตัวผมเอง  ลูกชายผมนั่งในพ่วงข้าง  ไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยแต่รถเลโนล์เสียหายมาก  ผมคิดว่าต้องเสียหายหลายร้อยบาทครั้นถามคนขับรถเขาบอกว่าไม่เอาอะไร  ขอให้แต่งรถให้เขาเท่านั้น  ผมจึงพาไปที่ทำการขนส่งทหารบก  ออกปากเพื่อน ๆ เท่านั้นเขาได้ช่วยกันทำเป็นการใหญ่  ซ่อมชั่วโมงครึ่งก็เรียบร้อย  ผมเสียค่าโอเลี้ยงไปไม่กี่ถ้วย  ผมเชื่อว่าเป็นอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ แน่ ๆ ดูอะไร ๐ ก็สะดวกไปเสียหมด  และปลอดภัยทั้งผมทั้งบุตร  เป็นที่อัศจรรย์จากผมและเพื่อน ๆ อย่างยิ่ง  จึงเรียนมาให้ทราบ
                                                                                                          ด้วยความเคารพ
                                                                                                  พันโท กิติศักดิ์  ฉวีงาม
เรื่องที่ ๑๗
                                                                                                                โรงเรียนเสนาธิการทหารบก
       พฤษภาคม  ๒๔๙๙
เรียนท่านอาจารย์  ที่เคารพยิ่ง
                เมื่อผมกลับจากทัศนาจรภาคใต้พร้อมกับคณะ  ก็ได้หยุดพักชั่วคราว  โอกาสนั้นผมได้ได้เยี่ยมบ้านที่จังหวัดพิจิตรและในการเดินไปเยี่ยมบ้านของผมคราวนี้  ได้ประสพอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ  อย่างหนึ่ง  กล่าวคือ  ผมได้พาครอบครัวไปหมด ลงจากรถไฟเวลาประมาณ ๕ โมงเย็นโชคร้ายเหลือเกิน   เพราะเมื่อวานนี้ฝนตกหนักถนนรถยนต์เดินไม่ได้  ผมจำเป็นต้องเดินกลับจากสถานีเป็นระยะทางถึง ๔ ชั่วโมง   ซึ่งถนนเป็นทางเกวียนและต้องผ่านทุ่งนา  ในเวลาค่ำคืนฝนตั้งเค้าทำท่าจะตกหนักอีก ผมเริ่มเป็นทุกข์ใจเพราะถ้าฝนตกลูก ๆ ของผมจะต้องเปียกฝน  อาจจะเจ็บป่วยกันเป็นแน่  เพราะเครื่องกันฝนก็ไม่มีพอ  หมดปัญญาเสียแล้วก็นึกถึงหลวงพ่อทวดฯได้เลยขออาราธนาท่านให้ช่วยปัดเป่าลมฝนให้  ผมเดินต่อมาสักครู่ท้องฟ้าอันดำมืดและฟ้าที่กำลังคำรามอยู่ไม่ขาดเสียงนั้น  เริ่มแจ่มใสขึ้นจนท้องฟ้าสว่างมองเห็นดวงดาว  ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เพราะท้องฟ้าแทบจะถล่มลงมาอยู่แล้วทั้งพายุก็โหมลงมาอย่างแรง   คล้าย ๆ กับว่าแทบจะสุดกลั้นที่จะไม่ให้ฝนตก  ทั้งทีละอองฝนลงมาบ้างแล้ว    ผมเริ่มวิตกมากขึ้น  แต่ที่สุดฝนก็ไม่ตก  ในเวลานี้ส่วนตัวผมมีความเชื่อมั่นในอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ท่านเหลือเกิน
                                                                                                               ด้วยความเคารพอย่างสูง
                                                                                                            พ.อ.ประสิทธิ์   เวชสวรรค์
เรื่องที่ ๑๘
                                                                ร.ร.เสนาธิการทหารบก
๑๑ พฤศจิกายน  ๒๕๐๐
เรียนอาจารย์  ที่เคารพ
                อาจารย์ครับ  ผมมีเรื่องเกี่ยวกับอภินิหารหลวงพ่อทวด ฯ ที่ผมได้ประสพมา   และอยากจะเล่าให้อาจารย์ฟังกล่าวคือเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๐๐  ทางโรงเรียนได้พาคณะอาจารย์ออกเดินทาง  ไปตรวจภูมิประเทศทางภาคอีสานโดยทางรถยนต์พร้อมกับนำนักเรียนนายร้อยชุดปัจจุบันไปทำการฝึกภาค    วันที่ ๑๑  ตุลาคม  เป็นเดินทางออกจากขอนแก่นจะไปพักแรมที่ จ.นครราชสีมา เมื่อรถยนต์แล่นมาถึงสถานีบ้านไผ่  ประมาณ ๘ ก.ม. รถคันที่ผมนั่งมาด้วยนั้นเกิดพลิกคว่ำลงอย่างแรงเพราะรถแล่นลงตามทางลาดต่ำและวิ่งไปด้วยความเร็วสูง  รถจะเลี้ยวโค้งเป็นมุมฉาก  เมื่อตัดข้ามทางรถไฟ    เนื่องจากคนขับไม่เคยทาง  จึงไม่ทราบลักษณะของโค้ง    จึงขับด้วยความเร็ว ๕๐ ถึง ๖๐ ก.ม.  ต่อชั่วโมงเลยพริกคว่ำอย่างไม่เป็นท่าลงตรงนั้นเอง   รถพลิกคว่ำลงข้างทางอันเป็นที่ลาดต่ำมากสี่ล้อชี้ฟ้าไปเลย  ครอบเอาพวกเราไว้ในกะบะรถนั่นเอง   ขณะรถทำท่าจะพลิกคว่ำนั้นผมตกใจมากร้องตะโกนโดยไม่รู้สึกตัวว่า “ หลวงพ่อทวดช่วยด้วย 
                สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ  รถนั้นน่าจะพลิกคว่ำต่อไปตามทางลาดต่ำอีกหลายทอด  แต่ก็ไม่พลิก  น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือพวกเราคลานออกมาจากใต้กะบะรถทีระคน ๆ ด้วยความปลอดภัยไม่มีใครเป็นอะไรเลยก็ว่าได้  เพราะอย่างมากก็ต้องมีแผลฟกช้ำดำเขียวเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
                พวกขับรถโดยสารมาพบเข้าหยุดถามว่า “ ตายกี่คน ”   จึงบอกเขาว่าไม่เป็นไร  เขาบอกว่าเมื่อรถคันใดพลิกตรงนี้จะไม่มีคนตายนั้นไม่เคยมี  เมื่อพวกเราตรวจดูรถที่คว่ำแล้วก็ปรากฏสิ่งที่น่าแปลกใจอีกว่า  ที่รถไม่พลิกลงตามลาดอีกต่อไปเป็นเพราะถังน้ำมันเบนซินขนาด ๒๐๐ ลิตร ๓ ถัง  ที่บรรทุกอยู่ในรถคันนี้  มีอยู่ ๒ ถัง  ตกลงไปรองรับขอบกะบะรถด้านลาดต่ำข้างหน้า ๑ ถัง ข้างหลัง ๑ ถัง  อีกถังหนึ่งกระเด็นกลิ้งไปไกลจากพวกเรา  มิฉะนั้นคงจะทับพวกเราบี้แบนไปหมดแน่     น่าคิดว่ามีอภินิหารอะไรที่เอาถังน้ำมันไปรองรับขอบกะบะรถมิให้รถพลิกต่อไป ถึง ๒ ถัง  และตั้งรับไว้ในที่อันเหมาะสมเช่นนี้  ทำให้พวกเราปลอดภัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนักนายทหารทุกคนโจทย์กันว่าในจำนวนพวกเรามีของดีแน่ ๆ และในขณะรถวิ่งเร็วได้แฉลบมาหลายครั้ง  ผมอาราธนาให้หลวงพ่อทวด ฯ ช่วยทุกครั้ง  และขณะรถพลิกคว่ำครั้งนี้ผมก็กำลังตกใจร้องตะโกนว่า  “ หลวงพ่อทวดช่วยด้วย    นี่แหละครับเรื่องที่ผมประสพมา
                                                                                                                    เคารพยิ่ง
                                                                                             พันเอก  ประสิทธิ์  เวชสวรรค์
                                                                                      ( ขณะนี้เป็นอาจารย์วิทยาลัยกองทัพบก)
เรื่องที่ ๑๙
                                              กองบินน้อยที่ ๗ สัตตหีบชลบุรี
๘  ตุลาคม ๒๔๙๘
เรียนอาจารย์  ด้วยความเคารพ
                ผมขอเล่าเรื่องอัศจรรย์เกี่ยวแก่อภินิหารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด  มาให้อาจารย์ทราบคือ
                ผมต่อเรือยนต์ให้  พลเรือตรี หม่อมเจ้ารังสียากรใช้ในสัตตหีบ ๑ ลำ   ต่อมาท่านให้นักบินกับช่างเครื่องนำเรือนี้เข้ากรุงเทพ ฯ     โดยมีเรือยนต์ของตำรวจเป็นพี่เลี้ยงคุ้มกันระหว่างทางเพราะเป็นเรือใหญ่   ส่วนเรือที่ผมต่อยาวเพียง ๑๘ ฟุตเท่านั้น การนำเรือจากสัตตหีบ  เข้ากรุงเทพ ฯ จะต้องแล่นฝ่าคลื่นลมไปกลางทะเลราว ๆ ๑๔ ชั่วโมง  จึงจะถึงกรุงเทพ ฯ  ก่อนนำเรือเล็กเดินทางผมเป็นห่วงเกรงว่าจะเกิดอันตรายเสียกลางทะเล  ผมจึงอาราธนาหลวงพ่อทวด ฯ และขอน้ำมนต์พรมเรือ  ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย  ต่อมาหลายวันนักบินและช่างเครื่องกลับมาถึงสัตตหีบ ได้เล่าให้ผมฟังว่า  เมื่อเรือทั้ง ๒ ลำแล่นไปถึงเกาะสีชัง  ท้องทะเลเกิดพายุและฝนตกหนักละลอกคลื่นใหญ่โตมาก  นักบินและช่างเครื่องเห็นภัยจะเกิดขึ้นเช่นนั้น  ก็เตรียมตัวถอดเสื้อและกางเกงนอกออกเหลือแต่กางเกงใน   นั่งชูชีพมั่นอยู่  เรือทั้งสองลำได้โต้คลื่นและพายุมากลางทะเลอย่างแรง  เป็นเวลานานถึง ๒- ๓ ชั่วโมง  จึงสงบปรากฏว่าละลอกคลื่นสาดขึ้นท่วมเรือ  แต่น้ำไม่ได้เข้าในลำเรือจึงปลอดภัย  ส่วนเรือตำรวจซึ่งเป็นเรือพี่เลี้ยงคุ้มครองเรือเล็กต้องเสียหายคือเพลาใบพัดหัก  หางเสือบิดไม่สามารถแล่นต่อไปได้เรือเล็กต้องกลับเป็นเรือพี่เลี้ยง  เรือลำใหญ่ลากจูงเข้าสู่กรุงเทพ ฯ พิจารณาดูเอาเองเถอะครับว่า  อภินิหารของพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ มีอภินิหารอย่างไร
                                                                                                      ด้วยความเคารพนับถือ

                                                                                                          บุญเกิด  กู้เกียรติ
เรื่องที่ ๒๐
จังหวัดนราธิวาส
๑๙    มิถุนายน  ๒๔๙๙
เรียนคุณอนันต์  คณานุรักษ์  ที่นับถือ
        ผมได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดชุมพร  เมื่อวันที่ ๒๘  เมษายน  ปีนี้ ผมได้มอบพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ให้แก่เด็กของผมคนหนึ่งชื่อนายเขียว  เขารับพระจากผมไปแล้วได้เอาพระไปแขวนไว้กับเสาหลัก  ห่างจากตัวประมาณ ๗,๘วา  เขาเตรียมจะยิง  ผมมองเห็นจึงร้องห้ามว่าอย่า  แต่ทันใดนั้นเขาน้าวไกปืนเสียงดังแชะ  เขาน้าวไกครั้งที่สองอีกที   กระสุนจึงระเบิดขึ้น  ปรากฏว่าปืนแตกเป็นสองท่อนทันที  แต่นายเขียวไม่ได้รับอันตรายใด ๆ  เขาสูญเสียปืนแก็ปไป ๑ กระบอก ข่าวนี้เล่าลือกันมากในจังหวัดชุมพร  เพราะมีผู้รู้เห็นมากคนจึงเล่ามาให้คุณทราบ
                                                                                              ด้วยความนับถือ

                                                                                             ขุนเจนเวชศาสตร์
คัดลอกจากหนังสือเรื่องประวัติหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดและคุณอภินิหารพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ  วัดช้างให้ ตำบลป่าไร่  อำเภอโคกโพธิ์  จังหวัดปัตตานี   พิมพ์ครั้งที่๖  จำนวน 20,000เล่ม  พ.ศ.2535

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น