คุณและอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ
เท่าที่ปรากฏเห็นประจักษ์แล้ว
เรื่องที่ ๒๑
พลตำรวจ รวย ดำรักษ์ อายุ ๒๔ ปี ประจำการค่ายอิงคยุทธบริการ (บ่อทอง ) จังหวัดปัตตานี ทางการตำรวจส่งตัวไปสมทบกับกองตรวจ เพื่อปราบผู้ร้ายในจังกวัดพัทลุงในคืนวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ พลฯ รวย ได้แยกจากพวกออกไปตรวจทางเรือใน ตำบลดอนพนาตุง ใกล้หมู่บ้านทะเลน้อย อ.ควนขนุน มีนายศรีและนายเสริฐสองพี่น้องช่วยเป็นผู้พายเรือร่วมไปด้วย เวลาประมาณ ๒๐.๐๐ น. พบเรือลำหนึ่งล่องสวนทางมาตามน้ำ และส่องไฟฉายมาที่เรือ พล ฯ รวย จึงตะโกนบอกว่า “ เราตำรวจโว้ย ” เรือนั้นได้ลอยลำใกล้เข้ามา พล ฯ รวย จึงส่องไฟฉายดูบ้าง ปรากฏว่าชายฉกรรจ์อยู่ในเรือลำนั้น ๖ คน มีปืนลูกซองวางอยู่ที่ท้องเรือ ๒ กระบอก พล ฯ รวย ตัวคนเดียวเห็นว่ามีทางเสียเปรียบหากมีเหตุเกิดขึ้น จึงใช้มือทั้งสองข้างผลักดันเรือลำนั้นให้ออกห่างไป แต่ทันใดนั้น พล ฯ รวยดำรักษ์ ก็ถูกยิงจากชายกลุ่มนั้นด้วยปืนสั้น ๑ นัด กระสุนปืน พล ฯ รวยสลบตกน้ำไปเพิ่งมารู้สึกตัว เมื่อขึ้นมานั่งอยู่ริมน้ำ แต่กำลังงงอย่างหนัก เพราะประสาทและสมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ปืนเล็กยาวของพล ฯ รวย ก็หายไปพร้อมกับเรือทั้งสองลำ
ข้าพเจ้าถามว่าใครเอาตัว พล ฯรวยขึ้นจากน้ำในเมื่อกำลังสลบอยู่ เขาตอบว่า ไม่ทราบ ข้าพเจ้าถามว่ามีใครอยู่ใกล้เคียงที่นั้นบ้าง เขาตอบว่าไม่มีใครเขานั่งอยู่คนเดียวข้าพเจ้าถามว่าเขารอดชีวิตจากกระสุนที่สำคัญแต่ไม่เข้า และสลบจมอยู่ในน้ำอีกทั้งสองครั้ง นี้เป็นเพราะอะไรและมีอะไรติดตัวอยู่บ้าง เขาตอบว่า ผมมี พระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ได้ขอจากท่านอาจารย์ทิม ฯ ที่วัดช้างให้อยู่ในกระเป๋าเสื้อ ๑ องค์ ผมจึงเชื่อว่า หลวงพ่อทวด ฯ ได้กรุณาคุ้มครองชีวิตผมไว้จึงรอดตายมาได้ทั้ง ๒ ครั้ง
หลังจากข้าพเจ้าสอบถามปากคำ พล ฯ รวย ดารักษ์ประมาณ ๑๕ วัน ข้าพเจ้าพบกับ พ.ต.ท.วิชิต รักษนาเวศผกก. ต.ช.ด เขต ๘,๙ เรียนถามเรื่องของ พล ฯ รวย กรุณาตอบว่า เรื่องของ พล ฯ รวยนั้นเป็นความจริง ในเรื่องถูกผู้ร้ายยิง ในเรืองที่ถูกผู้ร้ายยิง ท่านผู้กำกับซึ่งเป็นผู้บัญชา พล ฯ รวย ท่านได้รับรายงานไว้แล้ว ปืน พล ฯ รวย ก็เพิ่งได้คืนจากผู้ร้ายเมื่อเร็ว ๆ นี้
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๒๒
วัดดอนแย้ สงขลา
๔ มิถุนายน ๒๔๙๙
เรียน คุณอนันต์ คณานุรักษ์ ที่นับถือ
เมื่อเดือน ๖ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ฉันไปเทศน์มหาชาติ ที่วัดตะเคียนทอง อ.ยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี ตอนกลับแวะเยี่ยมคุณที่บ้านไม่พบ เด็กบอกว่าไปเหมืองแร่ ฉันจึงกลับสงขลาวันรุ่งขึ้นไปเทศน์มหาชาติที่วัดใน เมืองไทรบุรีอีก ขณะนั่งรถอยู่นั้นก็นึกถึงพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ตั้งแต่คุณให้มายังไม่เคยได้ชมอภินิหารของท่านเลย ได้รับฟังแต่ข่าวเขาเล่าลือกันมากมายเท่านั้น ครั้งนี้ฉันคิดว่าจะลองดูบ้าง จึงนึกอาราธนาในใจว่า ขออย่าให้คนเก็บค่าโดยสารรถเลย เมื่อถึงหน้าวัดฉันบอกคนรถ ให้เขาหยิบปัจจัยค่ารถในย่าม คนรถว่านิมนต์ครับไม่ต้องแล้วเขาก็ขับรถจากไป คนรถก็ยังไม่รู้จักกับฉันเลย ฉันโดยสารรถมามาก เคยเสียค่าโดยสารทุกครั้ง ๆ นี้จึงแปลกใจ
ต่อมาถึงเดือน ๗ ขึ้น ๑๑ ค่ำเขานิมนต์ฉันไปเทศน์ที่เมืองไทรบุรีอีก เมื่อลงจากรถโดยสารสายหนึ่งและจะจอดรอรถโดยสารอีกสายหนึ่งที่ฉันจะไป ฉันยืนคอยรอรถบัสอยู่ที่หน้าวัดบากามาตาในไทรบุรี เพื่อจะไปปลายละมัย รถบัสผ่านไป ๔ คัน คนนั่งแน่นทุกคัน เวลาเย้นมากแล้วถ้าพลาดรถก็ไปไม่ได้ ฉันร้อนใจมากเกรงจะเสียงานของเขาจึงระลึกถึงหลวงพ่อทวด ฯ ขึ้นมาได้ จึงอฐิษฐานในใจว่าขอให้หลวงพ่อทวด ฯ ดลบันดาลให้รถยนต์คันหนึ่งคันใดมารับสักทีเถอะจะได้ไปทันรถเมล์สายไปละมัย ฉันคอยอยู่ประมาณ ๕-๖ นาที ก็มีรถเก๋งคันหนึ่งเจ้าของผู้ขับก็ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนเลย ฉันบอกความประสงค์แก่เขา เขาว่าขึ้นรถเถอะจะพาไปส่ง เมื่อเขาส่งถึงที่แล้วก็ไม่เรียกร้องอะไรจากฉันเลยฉันรู้สึกอัศจรรย์อย่างยิ่ง จึงแจ้งมาให้คุณทราบและควรบันทึกไว้
พระภิกษุ ประลอง จุลมุสิก
เรื่องที่ ๒๓
ปีนัง
๑๑ มีนาคม ๒๔๙๘
คำนับ คุณอนันต์ ที่นับถือ
นานแล้วไม่ได้ส่งข่าวอะไรติดต่อกัน แต่ยังระลึกถึงความใจดีของคุณที่ได้ส่งพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ไปให้ผมตามความประสงค์ ตั้งแต่ผมรับพระไว้แล้วยังไม่มีอะไรเกิดให้เป็นที่อัศจรรย์ นอกจากผมอาราธนาท่านทำน้ำมนต์และเวลาต้มยาน้ำมนต์ นั้นผมได้รักษาคนป่วยซึ่งเป็นหญิงมลายูได้ผลดีมาก เขารักษามาด้วยยาแผนใหม่มาก แต่ก็ไม่หายผมจึงใช้ยาต้มและน้ำมนต์หลวงพ่อทวด ฯ รักษาไม่กี่วันอาการป่วยก็หายลงตามลำดับ ขณะที่ผมเขียนจดหมายนี้เขาก็เกือบสบายดีอยู่แล้ว ต่อไปผมตั้งใจว่าจะรักษาคนป่วยด้วยยาสมุนไพรประกอบด้วยน้ำมนต์หลวงพ่อทวด ฯ รักษาคนไข้ต่อไป จึงแจ้งมาให้ทราบ
ขอนับถืออย่างสูง
ตันม้าขุ่น (เดิมเป็นชาวภูเก็ต)
เรื่องที่ ๒๔
เพื่อนรักของข้าพเจ้าผู้หนึ่ง ( ขอสงวนนาม ) ได้มาเยี่ยมข้าพเจ้าที่บ้าน ท่านผู้นี้ไม่มีความสนใจในเรื่องโชคลาภใด ๆ แต่ข้าพเจ้ามีความรักและเจตนาดี จึงได้มอบพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ให้ไป ๑ องค์ และกำชับว่า แม้ว่าท่านยังไม่มีความสนใจ แต่ผมขอร้องให้เชื่อผมไว้เถอะ จะไปไหนมาไหนให้ติดกระเป๋าเสื้อไว้ วันหลังจะทราบผลเอง อยู่มาวันหนึ่งท่านได้พบกับข้าพเจ้า และเล่าเรื่องอัศจรรย์ที่ท่านประสพมาโดยไม่น่าจะเป็นไปได้ คือ ครั้งหนึ่งท่านกลับจากจังหวัดภูเก็ตจะมาจังหวัดปัตตานีเป็นการด่วน จึงโดยสารเครื่องบินเมล์กลับมา ขณะเครื่องบิน ๆ มาได้ครึ่งทาง ก็ประสพกับพายุและฝนอย่างแรงนักบินหนีพายุจึงเชิดหัวขึ้นสูงจะให้พ้นพายุ แต่กลับซ้ำร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะประสพพายุแรงยิ่งขึ้น อากาศมือดำมองไม่เห็นทิศทางเลย ท่านวิตกและนึกถึงหลวงพ่อทวดขึ้นได้ จึงเอามือตบกระเป๋าเสื้อดูก็พบว่ามีอยู่ ท่านจึงกล่าวในใจว่า ขอให้หลวงพ่อทวด ฯ แสดงปาฏิหาริย์ปัดเป่าพายุร้ายให้สงบลงเถิด ทันทีนั้นอากาศก็สว่างมองเห็นพื้นดิน ท่านจำได้ว่าเครื่องบินกำลังบินอยู่เหนืออำเภอระโนด จังหวัดสงขลานี้เอง ข้าพเจ้าจึงซักว่า ขณะที่ท่านขอให้หลวงพ่อทวด ฯ ทำปาฏิหาริย์ปัดเป่าพายุนั้นนานประมาณสูบบุหรี่หมดไปสักครึ่งม้วนได้ไหม พายุจึงสงบ ( ข้าพเจ้าคิดว่าสูบบุหรี่ครึ่งมวนนั้นเครื่องบิน ๆ เร็วอาจจะพ้นพายุได้ ) แต่ท่านหัวเราะแล้วตอบว่า พายุสงบทันทีนั้นเอง และท่านว่าก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วเป็นที่ประจักษ์
นายอนันต์ คณานุรักษ์
บันทึกและรับรองว่าเป็นจริง
เรื่องที่ ๒๕
ผู้สงวนนามท่านหนึ่ง เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า เมื่อท่านได้รับพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ไปจากข้าพเจ้าแล้ว ท่านจะไปไหนก็พกพระใส่กระเป๋าเสื้ออยู่เสมอ ต่อมาจึงได้เลี่ยมห้อยคอเป็นประจำ ต่อมาวันหนึ่งในเดือนพฤศจิกายน ๒๔๙๘ ท่านได้ทำการประชุมอบรมลูกน้อง ขณะนั้นฝนตกหนักฟ้าก็คำรามกลบเสียงที่ท่านพูด ท่านจึงให้ลูกน้องนำรถจิ้ปเข้ามาใกล้แล้วเดินเครื่องทำไฟเข้ากับ เครื่องขยายเสียง เพื่อจะได้พูดให้ดังขึ้นขณะที่พูดไปได้สักครู่ฟ้าก็ผ่าลงมาใกล้ ๆ บริเวณนั้น กระแสร์ไฟฟ้าได้ซ๊อตเข้าเครื่องขยายเสียงและขณะนั้นท่านจับไมโครโฟนอยู่ กระแสไฟได้ซ๊อตเข้าตัวท่าน ปรากฏว่าหัวใจได้หยุดเต้นไปประมาณ ๒ นาที ท่านรู้สึกว่ามีอำนาจลึกลับมาปะทะหน้าอกท่าน ให้มือที่จับไมโครโฟนหลุดห่างออกมาได้ ท่านรู้สึกตัวจึงตบดูที่หน้าอก ก็พบพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ ที่ห้อยคออยู่ รู้สึกขนลุกไปทั่วตัว และอาการที่ทำให้ท่านใจสั่น แกะอ่อนระทวยนั้นก็กลับคืนดีเป็นปกติ และได้ทำการอบรมลูกน้องจนจบหลังจากนั้นท่านต้องรักษาตัวกับนายแพทบ์ที่ปัตตานี ถึงสามเดือน โรคกระทบกระเทือนของท่านที่ถูกไฟฟ้าช๊อตครั้งนั้นจึงหายเป็นปกติข้าพเจ้าไปเยี่ยมถึงบ้านท่าน ท่านเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๒๖
ครั้งที่ ๒ซึ่งปรากฏการณ์น่าอัศจรรย์แก่ท่านผู้นี้อีกคือวันหนึ่งท่านได้เตรียม การซ้อมยิงเป้าเพื่อ ฝึกความแม่นยำของลูกน้อง เมื่อตั้งเป้าเสร็จท่านได้ทดลองยิงก่อนตามเคยท่านผู้นี้แม่นปืนดีมาก แต่วันนี้ท่านยิงไปแม้แต่แผ่นเป้าก็ยิงไม่ถูก ท่านฉงนใจ คิดว่าลำกล้องปืนท่านเสีย แต่ทันทีนั้นลูกน้องที่นั่นแอบดูอยู่ก่อนแล้ว เห็นปรากฏเช่นนั้นเขาดีใจมาก จึงวิ่งเข้ามาหาท่านแล้วพูดขึ้นว่า ท่านยิงไม่ถูกแน่ ขอเชิญตามผมไปดู ปรากฏว่าหลังที่แผ่นนั้นมีพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ห้อยอยู่ โดยการกระทำของลูกน้องของท่านเพื่อพิสูจน์อภินิหารหลวงพ่อทวด ท่านบอกว่า ผมเห็นท่านแล้วตกใจ ต้องก้มกราบขอขมาโทษต่อท่านหลวงพ่อทวด ฯ ไปเลย
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๒๗
เป็นเรื่องของท่านผู้นี้อีกเป็นครั้งที่ ๓ คือ ท่านไปประชุมราชการที่อำเภอเบตง เช้าวันหนึ่งได้มาพร้อมกันที่ร้านกาแฟซึ่งมีอยู่เช่นนี้เสมอ ๆ ชั่วประเดี๋ยวเดียวก็ได้รับวิทยุจากจังหวัดนราธิวาสว่า ลูกน้องของท่านทะเลาะกันและได้ใช้ระเบิดมือขว้างกันจนเกิดอันตราย ท่านรับทราบและจะขึ้นเครื่องบินเฮริคอปเตอร์ไปทันที จึงสั่งนักบินลูกน้องให้เตรียมตัว ขณะนั้นเป็นเวลาเช้ามากสภาพของอำเภอเบตงมีหมอกจัดในเวลาเช้า นักบินเรียนว่าขึ้นไปไม่ได้ครับหมอกหนามาก มองไม่เห็นทาง ไปเกรงจะชนภูเขาซึ่งล้อมรอบอำเภอเบตง ท่านว่าอั๊วต้องไปได้คอยดูซิ ท่านพูดต่อหน้าเพื่อนชั้นหัวหน้าที่นั่งอยู่ในที่นั้น เมื่อนายสั่งนักบอนเตรียมตัวแล้วพากันขึ้นบนอากาศ ท่านสั่งนักบินว่า ลื้อมองหาทางเห็นช่องตรงไหนให้ออกทางนั้น ท่านบอกข้าพเจ้าว่า ขณะนั้นท่านอาราธนาขอให้ท่านหลวงพ่อทวด ฯ เบิกหมอกเป็นทางให้ ชั่วประเดียวนักบินก็มองเห็นทางยาวคล้าย ๆแสงไฟฉายของเรือรบ ได้ฝ่าทะลุหมอกอันดำ นักบินเห็นเช่นนั้นก็เบนหัวเครื่องบินตรงออกไป ตามแสงสว่างนั้นเมื่อพ้นไปแล้วได้พากันเหลียวหลังดู ปรากฏแต่ความมืดของกลุ่มหมอกท่านจึงถามนักบินว่าถึงที่ไหน นักบินบอกว่าถนนสายเบตงยะลา ท่านสั่งว่าเอาลงไปได้ เมื่อเครื่องบินลงสู่พื้นดิน ที่จังหวัดนราธิวาสเรียบร้อยแล้วนักบินยังคงติดใจคำสั่งของผู้บังคับบัญชาที่สั่งว่า ให้มองห่าองออกจากลุ่มหมอกที่เบตง จึงเรียนถามข้อสงสัย ท่านบอกว่า อั้วขอให้หลวงพ่อทวด ฯ ช่วยปาฏิหาริย์กำจัดหมอกให้แก่เรา ท่านกล่าวยืนยันกับข้าพเจ้าว่า ผมมีพระหลวงพ่อทวดเหยียบทะเลน้ำจืดไว้บูชาคุ้มครอง แม้ผมมือเปล่าก็กล้าวิ่งเข้าแย่งปืนกลมือจากพวกโจรจีนได้
ผู้ขอสงวนนามทั้งสองท่านนี้ ข้าพเจ้ารับรองว่าเป็นความจริง หากท่านผู้ใดจะขอทราบนาม จดหมายถึงข้าพเจ้าได้จะตอบให้ทราบ
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๒๘
ท่านพระครูวิสัยโสภณ เจ้าอาวาสวัดช้างให้ กรุณาเล่าเรื่องให้ข้าพเจ้าบันทึก เรื่องมีอยู่ว่า
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ วันเดือนปี จำไม่ได้ ได้มีคนไทยนับถือศาสนาอิสลาม อยู่ อ.จนะ จ.สงขลา ได้มาพักที่วัดพร้อมกับเพื่อนซึ่งเป็นชาวไทยพุทธ ได้เล่าเรื่องหลวงพ่อทวด ฯ ไปไว้คุ้มกัน ท่านพระครูได้ให้ไว้ ๑ องค์ ต่อมาประมาณเดือนเศษ ชาวไทยอิสลามผู้นี้ พร้อมด้วยเพื่อนชาวไทยพุทธ และอิสลามอีกหลายคนได้มาหาท่านพระครูที่วัดช้างให้ แล้วได้เล่าให้ฟังว่าเมื่อเขาได้รับพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ไปไว้ประจำตัวแล้ว วันหนึ่งเขามีธุรกิจออกจากบ้านเวลาเย็นขณะเดินผ่านทุ่งนาและเข้าป่าละเมาะ ได้มีผู้อาฆาตเขา ๒ คนยืนรออยู่เห็นเขาเดินมา คนร้ายทั้งสองคนได้ระดมยิงเขาทันทีคนแรกยิงผ่านศีรษะ คนที่สองยิงถูกหน้าท้องเขาล้มลงแต่ปรากฏว่ากระสุนลูกปลายไม้เข้า มีแต่เสื้อผ้าที่สวมอยู่ขาดทะลุ ผู้ยิงเข้าใจว่าเขาตายเสียแล้วจึงวิ่งหนีไป
เขาลุกขึ้นตรวจดูไม่เห็นมีบาดแผล และจำคนร้ายได้ดี จึงรีบเดินทางไปแจ้งต่อกำนันพร้อมด้วยบาดแผล ที่มีรอยช้ำเป็นจุดแดง ๆ ที่หน้าท้อง
หลายวันต่อมากำนันได้ขอร้องให้เขาเลิกอาฆาตต่อกันต่อหน้าสถูปอันศักดิ์สิทธิ์ ที่บรรจุอัฐิของหลวงพ่อทวด ฯ ที่วัดช้างให้ เขาบอกพระครูว่า นี่แหละครับพวกที่ยิงผม เขาชี้ไปยังพวกที่ดักยิงเขา พวกนั้นก็ยอมรับผิดต่อท่านพระครู และว่าต่อไปจะเลิกคิดร้ายต่อกันแล้ว
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๒๙
คุณกวี จิตต์กุล ต.นาประดู่ ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าเมื่อปลายเดือนมีนาคม ๒๕๐๓ มีตำรวจตระเวนชายแดนของสหพันธ์มลายู ๔ คน ในจำนวนนี้เป็นชาวมลายู ๓ คน เป็นคนอินเดีย ๑ คน ได้มาลงรถไฟที่สถานีนาประดู่ เขาถามคุณกวีว่าวัดช้างให้ไปทางไหน คุณกวีถามเขาว่ามีธุระอะไรที่วัดหรือเขาตอบว่าจะไปขอพระเครื่อง ฯ คุณกวีจึงได้ถามต่อไปอีกว่ารู้มาจากใครว่าวัดช้างให้ มีพระเครื่อง ฯ
ผู้อาวุธโสในจำนวนนั้น ได้เล่าให้คุณกวีฟังว่า วันหนึ่งเพื่อนตำรวจของเขา ได้เกิดปะทะยิงต่อสู้กับพวกก่อการร้ายโจรจีนด้านชายแดนไทย เพื่อนคนนั้นถูกโจรจีนยิงต่อด้วยปืนกลล้มลง แต่ไม่ปรากฏบาดแผล เพื่อน ๆ และเขาได้ถามว่า เขามีอะไรดีปืนกลจึงยิงไม่เข้า เพื่อนคนนั้นดึงพระกลวงพ่อทวด ฯ ออกจากระเป๋าเสื้อให้ดูและบอกว่า พระนี้ตำรวจไทยที่ชอบพอกับเขามอบให้ หลังจากนั้นมาพวกเขาทั้งสี่คนอยากจะได้พระบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะไปเอาที่ไหน บังเอิญวันหนึ่งพวกเขาได้พบกับ ตำรวจตระเวนชายแดนฝ่ายไทยจึงได้สนทนากันและได้สอบถามถึงสถานที่ ๆ แจกพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ก็ได้รับคำแนะนำจากตำรวจไทยผู้นั้นโดยละเอียด จึงได้เดินทางมายังวัดช้างให้ พวกเขาทั้ง ๔ คน ได้โอกาสเมื่อว่างงานจึงรีบมาทันที คุณกวีจึงแนะนำทางให้พวกเขาเดินทางจากสถานีนาประดู่และแวะทางซ้ายมือเข้าวัดช้างให้ต่อไป
วันหลังข้าพเจ้าไปวัดช้างให้ เรียนถามท่าน พระครูวิสัยโสภณว่า ผมทราบว่าตำรวจสหพันธ์รัฐมลายา ๔ คน มาหาท่านจะขอพระจริงหรือ ท่านตอบว่าได้ให้ไปแล้วคนละองค์
นายอนันต์ คณานุรักษ์
เรื่องที่ ๓๐
วันหนึ่งเมื่อต้นเดือน มิถุนายน ๒๕๐๓ ได้มีชายผู้หนึ่งมาหาข้าพเจ้า และแนะนำตัวเองว่าชื่อ สัมพันธ์ โสตะจินดา อยู่รงพิมพ์นครไทย ถนนศิริอำมาตย์ พระนคร ได้มีกิจธุระไปที่ อ.เบตง จ.ยะลา เขาได้ทราบข่าวเกี่ยวกับอภินิหารของพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ จาดกเพื่อน ๆ ว่า ต.ช.ด.จำนวน ๑๕ คน ได้ออกทำการตรวจโจรจีนในป่า โดยแยกกันเป็นหมู่ ๆ ไปเป็นแนวหน้ากระดาน ขณะเดินไปในป่าเป็นเวลานาน พวกที่เดินทางริมสุด ได้เดินหลงทางเฉียงเข้า ๆ มาตัดหน้าพวกที่อยู่แนวกลาง แล้วได้หาที่กำบังหยุดนั่งพักอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ โดยมีใบไม้กำบังหยุดนั่งพักอยู่ในพุ่มไม้ โดยมีใบไม้กำบังพอลาง ๆ ส่วนพวกที่อยู่แนวกลางเดินมุ่งตรงไปข้างหน้า ได้มองเห็นคนอยู่ในพุ่มไม้นั้นลาง ๆ จึงได้เพ่งมองอย่างตั้งใจ เพื่อที่จะได้รีบทำลายเหล่าโจรจีนโดยเร็ว จึงได้มองเห็นเพื่อนตำรวจหมู่นั้นเป็นโจรจีนไป และได้ทำการระดมยิงด้วยปืนยิงเร็ว ๒ กระบอกประมาณ ๑๕ นัด แต่กระสุนปืนทุก ๆ นัดไม่ระเบิด ฝ่ายผู้ที่ถูกยิงซึ่งนั่งอยู่ใต้พุ่มไม้นั้น เมื่อได้ยินเสียงปืนดังแชะ ๆ ครั้งแรกเข้าใจว่าเป็นเสียงของกิ่งไม้ที่ถูกลมพัด แต่เมื่อได้ยินเสียงดังถี่ ๆ ก็ลุกขึ้นชะโงกหน้าออกมาดู ฝ่ายผู้ยิงเมื่อได้เห็นว่าเป็นพวกเดียวกัน ก็ตกใจถึงกับเป็นลมล้มลง เมื่อเป็นที่เข้าใจกันดีแล้ว ก็ถามเพื่อนว่า มีอะไรดีจึงยิงไม่ระเบิดทั้ง ๆ ที่ยิงตั้ง ๑๕ นัด จึงได้ช่วยกันค้นตัวตรวจดูทั่ว ก็พบว่ามีหลวงพ่อทวด ฯ อยู่ในกระเป๋าเสื้อ ๑ องค์
ข่าวนี้คุณสัมพันธ์ว่า ทางเบตงรู้กันมาก จะปิดบังกันอย่างไรก็ไม่มิด เขาอยากมีไว้บ้าง พรรคพวกจึงแนะนำให้เดินทางมาขอจากข้าพเจ้า และได้ให้ไว้ ๑ องค์ หลังจากนั้นมาข้าราชการ อ.เบตงได้มาขออีก ๓ คน ได้เล่าเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าทราบ และบันทึกไว้ ต่อมาประมาณ ๑๐ วัน ข้าราชการชั้วหัวหน้าแผนก ๑ คน เป็นผู้ที่รักใคร่ชอบพอกับข้าพเจ้าได้มาเล่าเรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าฟังที่บ้าน ท่านว่าเป็นเรื่องอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ขณะนี้ชาว อ.เบตง เลื่อมใสกันมากยิ่งขึ้น
นายอนันต์ คณานุรักษ์
เรื่องที่ ๓๑
ท่านพระครูวิสัยโสภณเจ้าอาวาสวัดช้างให้ ได้เล่าเรื่องอภินิหารหลวงพ่อทวด ฯ ทางเสดาะให้ฟังว่า
วันหนึ่งชาว อ.ปะนะเระ จ.ปัตตานี ได้มาหาท่านที่วัด ประมาณ ๑๐ คน เขาพากันมาแก้บนหลวงพ่อทวด ฯ ที่สถูปหน้าวัดและขอพระ ฯ พวกเหล่านั้นเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าวันหนึ่งชายที่มาในพวกนี้คนหนึ่ง ได้ไปวิดน้ำเพื่อจับปลาน้ำจืด เมื่อน้ำแห้งแล้วชายคนนั้นก็ได้ลงไปจับปลาตัวอื่น ๆ ต่อไปแต่ปลาตัวนั้นเข้าปากคาบเอาไว้ เพื่อจะจับปลาตัวอื่น ๆ ต่อไปแต่ปลาตัวนั้นเกิดดิ้นหลุดเข้าไปในปาก และติดอยู่ที่คอจะเอาออกก็ไม่ได้ เพื่อน ๆ ก็ไม่สามารถจะช่วยเหลือได้ ทำเอาชายนั้นต้องทรมานอยู่หลายวันเกือบเสียชีวิต ยิ่งนานวันปลาหมอตัวนั้นตายและส่งกลิ่นเหม็นอย่างแรง ผู้ที่ไปเยี่ยมก็ไม่สามารถนั่งอยู่ได้ เพราะความเหม็น ถึงวันที่ ๕ มีเพื่อนต่างตำบลมาเยี่ยม และได้บอกความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวด ฯ แช่ลงไปในน้ำแล้วกล่าวคำบนบานขึ้นให้ท่านช่วย จึงเอาน้ำมนต์รดลงบนศีรษะ และหยอดเข้าไปในปาก ต่อมาชั่วครู่คนป่วยเกิดมีอาการไปและจามอย่างแรง ปลาหมอที่ติดอยู่ในคอจึงหลุดออกมาทันที ทุก ๆ คนซึ่งอยู่ในที่นั้นเห็นเป็นที่อัศจรรย์ในอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ยิ่งนัก
เมื่อคนป่วยสบายดีมีกำลังแล้ว เขาพร้อมด้วยญาติพี่น้องและเพื่อน ๆ จึงได้เหมารถยนต์มาแก้บนดังที่ได้กล่าวมาแล้วและขอหลวงพ่อทวด ฯ กลับไปคนละองค์
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๓๒
อำเภอสุไหงปาดี
๙ มิถุนายน ๒๕๐๓
เรียนคุณอนันต์ ที่เคารพ
ผมย้ายมาจาก จ.นราธิวาส มาอยู่ อ.สุไหงปาดี เมื่อผมมาอยู่ใหม่ ๆ ได้ฟังใคร ๆ เขาเล่าลือกันว่าหลวงพ่อทวด ฯ วัดช้างให้ มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก เป็นที่แพร่หลายกันมากแต่บางคนไม่มีโอกาสไปขอจากวัด แต่ก่อนผมเคยไปรับราชการอยู่ที่ อ.โคกโพธิ์ ซึ่งนับว่าได้อยู่ใกล้วัดช้างให้ ทั้งผมก็เป็นศิษย์ของหลวงพ่อทวด ฯ อยู่ด้วย อยู่มาวันหนึ่งในเดือนตุลา ๐๒ คุณสมศรี ภรรยาของปลัดเปลือง เลิศแก้ว ซึ่งเป็นปลัดอำเภอสุไหงปาดี เกิดมีความเลื่อมใสอยากจะได้พระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ไว้เลี่ยมห้อยคอ ๑ องค์ ความจริงแกมีพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯแบบบูชาอยู่แล้ว แต่อยากได้พระเครื่องอีก แกจึงขอร้องให้ผมนำไปขอจากวัดช้างให้ แกจึงขอร้องให้ผมนำไปขอจากวัดช้างให้แต่ผมยังไม่มีเวลาว่าง จึงผัดวันประกันพรุ่งเรื่อยมา ต่อมาจนถึงเดือนธันวาในปีเดียวกัน วันหนึ่งแกได้วิ่งเอะอะมาจากบ้าน และในมือกำของอย่างหนึ่งไว้ เมื่อพบผมแล้วแกก็บอกว่า “ ไม่ต้องไปวัดช้างให้แล้ว ” พลางแบมือให้ผมดูก็เห็นพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ วางอยู่บนมือ แกเล่าให้ผมฟังว่าพระเครื่ององค์นี้ไม่ทราบมาไหน ได้ตั้งอยู่บนหิ้งพระภายในบ้านของแก ผมสังเกตเห็นแกดีใจมาก ใคร ๆ ซึ่งอยู่ในที่นั้นลงความเห็นกันว่าคงจะเป็นอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ปาฏิหาริย์มาให้แกบูชาแน่ เพราะแกมีเจตนาอันแรงกล้าปรารถนาจะรับท่านไว้บูชา
ต่อขากนั้นมาเดือนเมษา ๐๓ เด็กชายตี๋ บุตรคนเล็กของคุณสมศรี ฯ อายุ ๘ ขงบ ได้รับทานอาหารเช้าบังเอิญกระดูกไก่ติดคอหุบปากลงไม่ได้ กลืนน้ำลายก็ไม่ได้บิดาพาไปหานายแพทย์เพื่อจะให้จัดการคีบเอาออก แต่นายแพทย์ไม่สามารถคีบให้ได้เพราะกระดูกไก่ติดอยู่ลึกมากไม่เห็น จึงต้องนำลูกกลับบ้าน เมื่อผมทราบได้ไปเยี่ยมที่บ้านและแนะนำให้แกจัดการบูชาขอน้ำมนต์ของหลวงพ่อทวด ฯ แกก็ได้กระทำตาม แล้วเอาน้ำมนต์นั้นให้ลูกชายดื่มทีละหยด ๆ เพราะดื่มมากไม่ได้ และรดศีรษะให้
ปรากฏว่าอีก ๑ ชั่วโมงต่อมา เด็กชายนั้นก็หุบปากและกลืนน้ำลายได้เป็นปกติ ผมเห็นว่าเนื่องจากอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ประสิทธิ์ และขลังเป็นที่ประจักษ์เช่นนี้จึงเล่ามาให้คุณทราบ
ด้วยความนับถือ
นายสงวน รัตนอุดม
คัดลอกจากหนังสือเรื่องประวัติหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดและคุณอภินิหารพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ วัดช้างให้ ตำบลป่าไร่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี พิมพ์ครั้งที่๖ จำนวน 20,000เล่ม พ.ศ.2535
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น