คุณและอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ
เท่าที่ปรากฏเห็นประจักษ์แล้ว
___________
เรื่องที่ ๑
ในงานพิธีแจกพระเครื่อง สมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดวันแรก มีเด็กชายกับเด็กหญิงหมนสองคนพี่น้อง ได้รับแจกพระทั้งสองคน เด็กหมนเมื่อได้รับพระแล้วก็เอาพระห่อชายพกกลับบ้าน ได้เอาพระเครื่องโยนขึ้นแล้วใช้มือรับเช่นเดียวกับก้อนหินเล่นตามประสาของเด็กแต่รับไม่ทันพระจึงตกลงบนพื้นดิน เขาจึงก้มลงเก็บพระด้วยมือ ทันทีนั้นเด็กผู้ชายผู้นั้นก็ยืนแกว่งมือตกใจร้องไห้ขึ้นพ่อเขาจึงลงมาดูเห็นลูกยืนแกว่งมือร้องไห้อยู่ จึงเข้าไปจับมือแกะออกดู ปรากฏว่ามีพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ อยู่ในกำมือพ่อแม่ของเด็กทั้งสองเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดจากอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ บันดาลให้เกิดขึ้น เขาทั้งสองจึงนำลูกทั้งสองคนมาพบท่านอาจารย์เจ้าอาวาสที่วัดช้างให้ประมาณเวลา ๒๑.๐๐ น. จึงมิได้ประสพด้วยตนเองแต่ได้รับคำบอกเล่าจากท่านอาจารย์ ฯ
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๒
นายไสว ปลื้มสำราญ ครูประชาบาล โรงเรียนตำบลบ้านไร่ ได้พบกับข้าพเจ้าที่วัดช้างให้ และเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่าคืนวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๔๙๗ เวลากลางคืน ภรรยาเขาถูกตะขาบกัด มีอาการเจ็บปวดทุรนทุรายไม่ได้สติเวลาค่ำคืนเช่นนี้จะหายาที่ไหนก็ไม่ได้ นายธำรงบุตรชายคนโต จึงนิมนต์พระเครื่องหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดวางลงบนน้ำพอเปียกแล้วเอาตั้งลงบนแผลนานประมาณ ๒-๓ นาที แล้วก็หายปวดทันที นายไสวบอกว่าเขาได้ประสพอภินิหาร ของหลวงพ่อทวด ฯ ในครั้งแรกจึงเลื่อมใสวันนี้ผมจึงมาขอพระเครื่องอีก
เรื่องเอาพระเครื่องรักษาคนถูกตะขาบกัดมีมากรายปรากฏว่าศักดิ์สิทธิ์นัก แต่ผู้เขียนเห็นว่าไม่จำเป็นจะบันทึกลงทุกๆ คน เพราะมีเรื่องอื่น ๆ อีกมาก
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๓
เมื่อปลายเดือนเมษายน ๒๔๙๗ ในค่ำวันหนึ่งเวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น ข้าพเจ้าออกจากบ้านเพื่อจะไปซื้อของบางอย่าง ที่หน้าโรงภาพยนตร์ปัตตานี ก่อนจะออกจากบ้านข้าพเจ้าได้พนมมือที่หน้าหิ้งพระ ระลึกถึงหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด อฐิษฐานในใจว่า ขอให้หลวงพ่อทวดคุ้มครองบ้านและบุตรด้วย แล้วก็ออกจากบ้านไป เวลาประมาณ ๒๒.๐๐น จึงกลับบ้าน ขณะที่ข้าพเจ้าเดินกลับเข้าบ้านนั้นได้มองไปที่ประตูชั้นล่างอาศัยแสงสว่างข้างแรมสลัวๆ เห็นรูปคนดำทมึนยืนอยู่ ณ ที่นั้น ข้าพเจ้าสะดุ้งตกใจนึกว่าคนร้ายจึงเหลียวกลับหลังเอาดุ้นฟืนมาถือไว้ แล้วร้องถามไปว่าใครแต่เงาดำรูปคนคงยืนโยกตัวโงนเงนอยู่ไปมา ณ ที่เดิมในขณะอึดใจนั้นข้าพเจ้าก็ระลึกขึ้นได้ว่า อ้อ หลวงพ่อทวดนี่เอง ข้าพเจ้าจึงโยนดุ้นฟืนทิ้งแล้วยกมือพนมไหว้แล้วเดินเข้าไปหาเงาดำรูปนั้น เมื่อเดินเข้าไปในระยะใกล้ เงานั้นก็สลายตัวจากรูปคน คล้ายๆ กับควันบุหรี่ค่อยๆจางหายไปทีละน้อยจนหมด นี่คืออภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ซึ่งข้าพเจ้าได้ประสพด้วยตนเอง
เผด็จ ณ นคร
แผนกช่างเทศบาลเมืองปัตตานี
๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๗
เรื่องที่ ๔
เมื่อปลายเดือนเมษายน ๒๔๙๗ นางมาลี ภรรยาของนายล้วน สมประสงค์ กรรมกรรถไฟ โรงกุลีนาประดู่เจ็บท้องจะคลิดบุตรมาสองวันแล้ว แต่คลอดไม่ออก ผู้เจ็บมีอาการหนักมาก เนื่องจากความยากจน จึงไม่สามารถจะนำไปทำการคลอดที่โรงพยาบาลได้ เพราะไม่มีเงินว่าจ้างเหมารถจึงต้องนอนรอวาระสุดท้ายอยู่ บังเอิญเพื่อนร่วมงานของนายล้วนรู้เรื่องนี้ เขาจึงบอกให้นายล้วนรู้เรื่องนี้ เขาจึงบอกให้นายล้วนนำเอาพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ มาวางลงในขันน้ำ แล้วจุดธูปเทียนบูชาขอเป็นน้ำมนต์เสดาะแล้วเอาน้ำมนต์ให้นางมาลีดื่มและพรมศีรษะ ต่อมาชั่วครู่ ต่อมาชั่วครู่ นางมาลีผู้เจ็บคลอดก็มีกำลังและลมเบ่งลูกออกมาได้ แต่ปรากฏว่าเด็กนั้นได้ตายนานเสียแล้ว
นายชาติ สิมศิริ
กำนัน ตำบลนาประดู่ ผู้เล่าเรื่อง
เรื่องที่ ๕
เมื่อปลาย พ.ศ.๒๔๙๘ มีผู้หญิงไทยอิสลามคนหนึ่งคลอดบุตรเอามือออกมาก่อน แต่ติดเพียงนั้น เวลาผ่านมา ๓ วัน ๒ คืน บุตรจึงตายอยู่ในท้อง คนเจ็บหมดกำลังและลมเบ่ง อาการเข้าเขตอันตรายญาติคนเจ็บมาตามภรรยาข้าพเจ้าซึ่งเป็นนางผดุงครรภ์แผนปัจจุบัน เมื่อภรรยาของข้าพเจ้าได้ไปตรวจดูแล้ว ก็ทราบว่าไม่มีทางใดที่จะช่วยได้จึงแนะนำญาติของผู้ป่วยให้นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี แต่เขาไม่ยอมนำไปได้แต่ขอร้องให้ภรรยาของข้าพเจ้าช่วยแต่อย่างเดียว เมื่อไม่มีทางใดที่จะใช้วิชาความรู้ช่วยได้แล้ว เขาก็ระลึกถึงพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ซึ่งเขาเชื่อมั่นเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว เขาจึงอาราธนาให้ท่านช่วยเสดาะลูกในครั้งนี้ด้วยพอจบคำอธิษฐานในใจก็ร้องคราญขึ้น ภรรยาข้าพเจ้าจึงจับมือเด็กนั้นเขย่าเบา ๆ ทันทีนั้นเด็กก็เปลี่ยนเอาก้นออกมา เขาเห็นที่เป็นเช่นนี้นั้นเพราะถูกหลักซึ่งจะเอาก้นออกมา เขาเห็นที่เป็นเช่นนั้นเพราะถูกหลักซึ่งจะช่วยด้วยวิชาความรู้ได้ จึงจัดการเอาเด็กออกจากท้องแม่ได้โดยง่ายดาย ภรรยาของข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าเป็นด้วยคุณอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ท่านดลบันดาลให้แน่ เพราะประสพมาแล้วเป็นที่ประจักษ์
เปี่ยม จุลวัธน์ ธ.บ.
ทนายความจังหวัดปัตตานี
ทนายความจังหวัดปัตตานี
เรื่องที่ ๖
มีอีกรายหนึ่งเมื่อพ.ศ. ๒๔๙๙ เวลากลางคืนผู้หญิงจีนมาที่บ้านข้าพเจ้า และบอกว่าเขาปวดท้องจะคลอด (ผู้หญิงจีนคนนี้ฝากท้องกับภรรยาข้าพเจ้า ) ข้าพเจ้าว่าเขายังคลอดไม่ได้ เพราะภรรยาข้าพเจ้าไปทำคลอดที่อื่นยังไม่กลับมาเขาว่าเจ็บเต็มทนจะคลอดอยู่แล้ว ข้าพเจ้าจนใจจึงรีบเข้าห้องพระ กราบบูชาหลวงพ่อทวด ฯ แล้วกล่าวว่า ขอให้หญิงจีนคนนี้อย่าพึ่งคลอด และขอให้ทางโน้นคลอดง่ายและให้ภรรยาข้าพเจ้ากลับเร็วๆเถิด ประมาณ ๑๐ นาที ภรรยาข้าพเจ้าก็กลับมาได้นำหญิงจีนเข้าห้องประมาณ ๕ นาทีก็คลอดอย่างง่ายดาย
เมื่อภรรยาเสร็จธุระ ข้าพเจ้าถามเขาว่าทำไมจึงได้กลับเร็ว ทางโน้นคลอดแล้วหรือ เขาตอบว่าคลอดแล้วหรือ เขาตอบว่าคลอดแล้วขณะเขาล้างมือและทำความสะอาดนั้น ได้ยินเสียงปราดกระซิบที่ข้างหูอยู่ว่าจงรีบกลับ เขาสนใจในคำกระซิบนั้นจึงรีบกลับทันที เจ้าของบ้านขอร้องให้นั่งพักเขาก็ไม่ยอมนั่ง นี่ก็เกิดจากอำนาจอภินิหารของหลวงพ่อทวด ฯ ที่ภรรยาข้าพเจ้าได้ประสพมาทั้งสองเรื่อง
เปี่ยม จุลวัธน์ ธ.บ.
ทนายความจังหวัดปัตตานี
เรื่องที่ ๗
ข้าพเจ้าป่วยเป็นโรคหืดหอบมาช้านาน ได้รักษาด้วยยาแผนใหม่และแผนโบราณมามาก แต่ก็ไม่หาย ข้าพเจ้า มีวัยชราแล้วคิดว่าคงจะมีซีวิตอยู่ไม่เกิน พ.ศ. ๒๔๙๘ เป็นแน่อยู่มาวันหนึ่งอาการหืดกำเริบมากขึ้น ไม่มีทางใดจะดับทุกข์ทรมานให้โรคนี้หายได้ บังเอิญนึกถึงหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดเขาเล่าลือกันว่ามีคุณอภินิหารศักดิ์สิทธิ์นักจึงบอกให้นางนุ้ยภรรยาของข้าพเจ้า ซึ่งเขาเป็นนักวิปัสสนาจัดดอกไม้ธูปเทียนเครื่องบูชา แล้วนิมนต์พระวิญญาณของหลวงพ่อทวด ฯ
เข้าประทับทรงนางนุ้ย เวลาชั่วครู่ต่อมานางนุ้ยก็ทรง ข้าพเจ้าจึงได้พรรณนาถึงเรื่องที่ได้รับความทุกข์ทรมาน ทางโรคหืดและหอบพร้อมทั้งขอยา ท่านอยู่ในทรงได้บอกยาสมุนไพรให้พร้อมด้วยคาถาปลุกเสก ให้ข้าพเจ้าต้มกินยาเป็นประจำ แล้วท่านสั่งว่าถึงจะต้มยานี้ให้ผู้อื่นกินก็ได้และมึงอย่าเรียกร้องเอาค่ายาจากเขาแพง ๆ จงนึกถึงการกุศลเป็นสำคัญ ข้าพเจ้าจึงจัดการหายามาต้มกิน หม้อที่ ๑ อาการป่วยก็ทุเลาลง หม้อที่ ๒ น้ำยาไม่ทันจะจืด อาการหืดหอบที่เคยเป็นก็หายเป็นปกติมาจนบัดนี้ เพื่อน ๆ รู้ข่าวก็ขอให้ข้าพเจ้าต้มยานี้ให้กินรักษาโรคหืด ปรากฏว่าหายมาหลายคนและข้าพเจ้าขอรับรองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงซึ่งเกิดขึ้นแก่ตัวข้าพเจ้าและมีผู้รู้เห็นกันมา
นายสุนทร หะวิเกต
ต. เจาะปริง อ.สายบุรี
เรื่องที่ ๘
วันหนึ่งในต้นเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๐๐ ร.ต.ตไพจิตร์ เกตุวิลัย และจ่านายสิบวีระ กองบังคับการตำรวจภูธร ภาค ๙ จังหวัดสงขลา ได้มาราชการที่จังหวัดปัตตานีและไปเยี่ยมข้าพเจ้าที่บ้าน การสนทนาตอนหนึ่ง จ่าวีระแจ้งเรื่องอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อทวดฯ ให้ฟังว่าเขาเป็นโรคหืดหอบเรื้อรังมานาน รักษามามากแล้วก็ไม่หาย
วันหนึ่งอาการหืดหอบแรงขึ้น เขาแสนจะทุกข์ทรมานบังเอิญได้นึกถึงคำเล่าลือว่า พระเครื่องหลวงพ่อทวดฯมีความศักดิ์สิทธิ์ขลังนัก อาราธนาทำน้ำมนต์กินแก้โรคทุกชนิดได้ เขาเข้าใจว่าเนื่องจากพระเครื่องประกอบขึ้นด้วยว่าน ๑๐๘ จึงมีสรรพคุณเช่นนี้ เขาคิดว่าโรคหืดหอบของเขานั้นใช้แรงน้ำมนต์แช่พระเห็นจะไม่มีแรงพอ ควรจะกินเนื้อพระเครื่องทั้งองค์ คงจะได้ผลแน่เขาจึงนำพระเครื่องเข้าในครัวซึ่งทุกๆ คนในบ้านไม่มีใครรู้ เขาจึงตำพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ จนละเอียดดีแล้วละลายน้ำกินจนหมด โดยเขาคิดว่าได้กินผงว่านในองค์พระจะได้แก้โรคร้ายของเขา แจ่ปรากฏว่าโรคร้ายก็ไม่ทุเลาลงเลย กลับต้องทนทุกทรมานมาเป็นแรมเดือน ต่อมาวันหนึ่งเขามาราชการที่จังหวัดปัตตานี ได้รับคำแนะนำจาก นายสามารถ หะวิเกตุ บอกให้เขาไปขอยาแก้โรคหืดหอบ จากนายสุนทร หะวิเกตุ มารักษาโรคนี้
หลังจากนี้ไม่นานจ่าวีระ ได้ไปหานายสุนทรเพื่อขอยานายสุนทรจึงให้นางนุ้ยภรรยาเชิญหลวงพ่อทวดฯ ทรงในนางนุ้ยแล้วก็ลุกขึ้นยืนเดินตรงเข้ามาที่จ่าวีระ ทรงแสดงกิริยาเกรี้ยวกราดมาก ทำท่าจะทุบตีและชี้หน้าจ่าวีระ แล้วพูดว่า มึงนะใจดำกินกูเข้าได้ (หมายถึงจ่าวีระกินพระเครื่อง ) แสดงกิริยาขึ้งโกรธจ่าวีระอยู่ชั่วครู่ จ่าวีระก็งงงันเพราะไม่รู้เรื่องอะไรได้แต่พนมมือไหว้นายสุนทรจึงแนะนำว่า ผู้ที่ทรงนั้นคือหลวงพ่อทวดฯจ่าวีระนึกถึงเรื่องที่เขาเอารูปท่านหลวงพ่อทวด ฯ ตำแล้วกินยิ่งเพิ่มความตกใจมากขึ้นในการกระทำของเขาครั้งนี้ จึงก้มลงกราบขอขมาโทษในสิ่งที่ผิดพลาดล่วงเกินท่านมาแล้วนั้นนางนุ้ยผู้ประทับทรงจึงพูดว่า เอาละกูจะยกโทษให้มึงต่อไปมึงอย่าทำเช่นนั้นเป็นอันขาด และปลุกเสกยามอบให้จ่าวีระไปต้มกิน จ่าวีระแจ้งแก่ข้าพเจ้าว่าเขาได้ต้มยากินหลายหม้ออาการป่วยจึงได้หายเป็นปกติ จนถึงบัดนี้ ( ขณะที่มาเยี่ยมข้าพเจ้า )จ่าวีระได้ขอพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ จากข้าพเจ้าหนึ่งองค์ ข้าพเจ้าถามว่ายังไม่มีหรือ เขาตอบว่าแต่ก่อนมีหนึ่งองค์เขาตำกินเสียแล้ว ข้าพเจ้าจึงให้เขาไปบูชา ๑ องค์ นายสุนทร หะวิเกตุ ได้บอกต้นยาขนานนี้ของท่านหลวงพ่อทวด ฯ ให้แก่ข้าพเจ้า แต่ไม่ให้คาถาปลุกเสก คือ ๑.ต้นเข็ตมอญเหยียทั้ง ๕ , ๒.รากไม้เท้ายายหม่อม ๓.รากเค็ตเคล้า ๔.รากเชียดเขา ๕.รากปรางหวาน ๖.รากพุดซ้อน ๗.รากพุดชนิดไม่ซ้อน ๘.รากชมพูยาหมู ( รากต้นฝรั่ง ) ๙.รากสาวหยุด
หากผู้ใดจะทดลองยานี้ต้มแก้หืดหอบ ก็ให้ระลึกถึงหลวงพ่อทวด ฯ เจ้าของยา โดยมีธูปเทียนอาราธนาให้ท่านปลุกเสกและขอความประสิทธิ์จากท่าน เวลาจะดื่มยาทุกครั้งข้าพเจ้าคิดว่าคงจะได้ผล
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๙
เหตุเกิดที่บ้านหนองกรก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ในคืนวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๔๙๗ เวลาประมาณ ๒๑.๐๐น. นายแดงกับภรรยากลับจากทำงาน มากินข้าวแล้วเตรียมเข้าห้องนอน พอใกล้จะหลับได้ยินเสียงกริ่งๆอยู่ในขวดโหลบนหิ้งพระ ซึ่งมีพระเครื่องหลวงพ่อทวด ฯ ขอมาจากวัดช้างให้ใหม่ ๆ และได้เก็บไว้บนขวดโหลใบนั้นเขาคิดว่าหนูคงได้กลิ่นน้ำมัน จึงลงไปคาบพระ แล้วกระทบกับขวดจึงเกิดเสียงดังขึ้น นายแดงจึงลุกขึ้นจุดตะเกียงส่องดูก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติจึงล้มตัวลงนอนต่อไปจนถึงเวลา ๒๒.๐๐ น. เขากับภรรยาก็ตกใจตื่นขึ้นทันทีเพราะเสียงปืนดังขึ้นที่ชานเรือนสามนัดนายแดงนึกได้ทันทีว่าตนถูกผู้ร้ายปล้นบ้าน จึงตื่นขึ้นจับมีดตัดฟากพื้นเรือนขาดเป็นช่อง แล้วรอดหนีไปทางช่องใต้ถุนเรือนฝ่ายภรรยากำลังตกตลึงไม่ได้สติ จึงลุกขึ้นไปจะเปิดประตูให้พวกโจร ขณะที่พวกโจรกำลังกระแทกบานประตูอยู่พอเขายื่นมือจับกลอนประตู ก็มีมือประหลาดมาผลักหน้าอกเขาก้นกระแทกพื้น เขานึกถึงหลวงพ่อทวดทันที จึงลุกขึ้นไปที่หน้าหิ้งพระพนมมืออ้อนวอน ขอให้หลวงพ่อทวดช่วยคุ้มครองรักษา ฝ่ายพวกโจรก็ออกกำลังพังประตูห้องอยู่โครมครามสั่นสะเทือน เขากลัวจนไม่สามารถจะทนอยู่ได้ จึงพนมมือกล่าวขอให้หลวงพ่อทวดฯ ช่วยคุ้มครองบ้านให้ลูกหลานด้วยเถิด กล่าวจบแล้วลอดหนีทางช่องตามสามีไป ปรากฏว่าพวกโจรใช้ปืนยิงติดตามมาข้างหลังแต่ไม่ถูก พวกโจรเมื่อถามพังประตูไม่ออกจึงพากันหนีเข้าป่าไป
นายชาติ สิมศิริ
กำนันตำบลนาประดู่ เล่าเรื่อง
วันหนึ่งข้าพเจ้าพบกับพนักงานสอบสวนอำเภอโคกโพธิ์ เขาว่าผมได้ไปสอบสวนพร้อมกับนายอำเภอได้ตรวจดูความแข็งแรงของบานประตูห้องนอน ของนายแดงแล้วปรากฏว่าเก่าแก่และแบบบางมากใช้แรงผลักดันคนเดียวก็พังเพราะประตูมีบานเดียว และสอบถามคนแก่ที่อยู่นอกห้องได้ความว่าพวกโจร ๖ คนโถมพังประตูอยู่นานประมาณ ๒๕ นาที เจ้าพนักงานสอบสวนคนนั่นบอกข้าพเจ้าว่า มันเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
นายอนันต์ คณานุรักษ์ บันทึก
เรื่องที่ ๑๐
คืนวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. นายซัว นิลกำแหง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ ๓ ต.ลำพะเยา จังหวัดยะลา ได้เอาพระเครื่องหลวงพ่อทวดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อแล้วลงจากเรือนไปวัดลำพะเยา เพื่อฟังพระแสดงธรรมวันนั้นเดือนขึ้น ๑๕ ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงส่องแสงสว่างเวลาประมาณ ๒๒.๐๐ น. พระแสดงธรรมเสร็จแล้วก็กลับบ้านขณะเดินมาพบคนร้าย ๓ คนเป็นที่รู้จักดีและจำได้ดีเพราะแสงสว่างของดวงเดือนผู้ร้ายคนหนึ่งวิ่งมาใกล้เขา แล้วใช้ปืนสั้นยิงเขาในระยะใกล้ชิดรวม ๔ นัด ๓นัดแรกไม่ถูกกระสุนนัดสุดท้ายถูกข้างตะโพกของนายซัวล้มลง ผู้ร้ายเข้าใจว่าเขาถูกกระสุนปืนตายเสียแล้ว จึงได้พากันหนีไปนายซัวจึงลุกขึ้นดูรอยที่ถูกกระสุน ปรากฏว่ากางเกงทะลุตามแรงกระสุนปืน แต่ที่ตะโพกไม่มีบาดแผล เขาจึงรอดชีวิตมาได้ก็เพราะอำนาจหลวงพ่อทวด ฯ คุ้มครอง เขายังพูดให้ผู้ไปสอบถามฟังว่าถ้าหลวงพ่อทวด ฯ คุ้มครอง เขายังพูดให้ผู้ไปสอบถามฟังว่าถ้าหลวงพ่อทวดไม่คุ้มครองผมคงตายแน่เพราะมันยิงผมในระยะเผาขน
นายชาติ สิมศิริ นายกวี จิตต์กุล นายวิศิษฐ์ คณานุรักษ์ ได้ไปถามปากคำนายซัวด้วยตนเองทั้งสามคน
คัดลอกจากหนังสือเรื่องประวัติหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดและคุณอภินิหารพระเครื่องหลวงพ่อทวดฯ วัดช้างให้ ตำบลป่าไร่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี พิมพ์ครั้งที่๖ จำนวน 20,000เล่ม พ.ศ.2535
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น