วันพุธที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559

ประวัติชีวิตครูบาเจ้าขาวปีภาคพิสดาร

ประวัติชีวิตครูบาเจ้าขาวปีภาคพิสดาร
อะโห  สังโฆ  พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าช่างน่าอัศจรรย์จริงหนอ!
            ดังได้กล่าวแล้วว่า  ท่านครูบาเจ้าอภิชัยขาวปี  เป็นอัจฉริยะบุคคลที่เข้าขั้นความเป็นอริยะเจ้าท่านหนึ่ง  ดังนั้นจึงมักมีอภินิหาริย์ให้ปรากฏเสมอแก่ผู้ใกล้ชิด  ดังจะรวบรวมมาไว้เป็นเรื่องๆ  ดังนี้
ถูกระดมยิง
            ครั้งหนึ่งในสมัยสงครามบูรพา (สงครามโลกครั้งที่ 2 ) ญี่ปุ่นได้ยกตราทัพเข้ามาในเมืองไทยจนเต็มไปทั่วทุกมุมเมือง  ตอนนั้นท่านได้ร่วมกับศรัทธาประชนชนสร้างโบสถ์และกุฎิสงฆ์  วันหนึ่งท่านได้ขี่เกวียนบรรทุกสัมภาระในการก่อสร้าง  นำขบวนเกวียนมุ่งสู่วัด  ระหว่างทางถูกทหารญี่ปุ่นหมวดหนึ่ง  ซึ่งเข้าใจผิดคิดว่าท่านเป็นผู้ส่งสะเบียงให้กับศัตรูของพวกเขา  จึงพากันระดมยิงขบวนเกวียนในระยะประชิด  เสียงปืนที่ยิงมานั้นระรัวเหมือนประทัดแตก  แนวกระสุนที่สาดมาเป็นประกายเหมือนห่าฝน  หลายคนร้องตะโกนด้วยความกลัวและกระโจนหลบแล้ววิ่งหนี  แต่ท่านกลับไม่แสดงอาการอะไรให้เห็นพร้อมกับปลอบใจผู้ร่วมขบวนมิให้ตกใจกลัว  แล้วท่านก็ยืนขึ้นหลับตาด้วยอาการสำรวม  ปรากฏว่ากระสุนเหล่านั้นไม่ต้องผิวกายใครแม้แต่คนเดียว  ตลอดถึงโคเทียมเกวียนก็ไม่มีตัวใดได้รับอันตรายเลย  และท่านก็นำขบวนเกวียนผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนั้นไปอย่างน่าอัศจรรย์โดยทหารญี่ปุ่นเหล่านั้น  ก็ไม่ได้ซ้ำเติมอะไรอีก
ห้ามระเบิด
            ที่วัดเดียวกันนั้น  ในสมัยมหาสงคราม  วันหนึ่งมีเครื่องบินของฝ่ายสัมพันธมิตร  ได้มาทิ้งระเบิดตรงจุดนั้นพอดีท่านได้ไปยืนยังลานวัดนิ่งด้วยอาการสงบ  โดยมีศรัทธาทั้งหลายล้อมหวังพึ่งบุญด้วยความกลัวตายเสียงระเบิดที่ตกนอกเขตวัด  ดังสะเทือนเลือนลั่น  ปานแผ่นดินถล่ม  แต่ไม่มีลูกใดเลย   ที่จะมาตกภายในวัดนับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่เล่าขานมาจนทุกวันนี้
มีญาณล่วงรู้เหตุที่เกิด
            มีศรัทธาจากวัดบ้านล้องวัด  อ.บ้านโฮ่ง  จ.ลำพูน  ท่านหนึ่งมีความปรานารถจะนำมะพร้าวอ่อนทั้งทะลายไปถวายให้ท่าน   ระหว่างที่อยู่บ้านลูกชายคนเล็กของท่านผู้นั้น  ร้องไห้อยากกินมะพร้าวนั้น   แต่ผู้เป็นพ่อไม่ให้กินก่อนถวายไม่ได้  เมื่อถูกรบเร้าเข้าจึงตีบุตรชายไปหลายครั้ง  จนบุตรชายเงียบกลัวถูกตีอีก  แล้วก็บุตรชายพร้อมมะพร้าวที่จะนำไปถวายท่าน   ท่านเองก็รับไว้   หลังจากให้ศีลให้พรแล้วท่านก็บอกว่า “ท่านถวายให้อาตมา  อาตมาก็อนุโมทนาแล้วเป็นอันเสร็จประโยชน์ของท่าน  แต่จงเอามะพร้าวนี้ไปให้บุตรชายท่านทานให้สมอยากเถิด  เพราะก่อนมาเขาร้องไห้อยากท่านมิใช่หรือ”  ชายดังกล่าวได้ยินดังนั้นถึงกับตกตะลึงไม่คิดว่าท่านจะล่วงรู้เรื่องนี้
เป็นผู้มีแรงอธิฐานเป็นเยี่ยม
            ที่ชายแดนประเทศพม่า  ที่ชายแดนประเทศพม่า   คราวที่ท่านยังสร้างวิหารอยู่ที่แม่ระมาด  อ.แม่สอด  มีผู้พบพระพุทธรูปองค์หนึ่งหน้าตักประมาณ ศอก  จมอยู่ใต้แม่น้ำอิรวดี  ผู้คนที่พบต่างพยายามใช้เชือกฉุดขึ้นมาจากใต้แม่น้ำให้ได้แต่พระพุทธรูปดังกล่าวก็ไม่เขยื้อนแม้แต่นิดเดียว   พวกเขาจนปัญญาจึงเข้าไปนิมนต์ท่านให้นำขึ้นมา   เมื่อท่านไปถึงแล้ว   จึงลงแพไม้ไผ่  เอาเส้นด้ายเล็กๆ  ให้คนดำน้ำไปคล้องพระพุทธรูปเสร็จแล้ว  เพียงท่านดึงด้ายเบาๆเท่านั้น  พระพุทธรูปก็ลอยขึ้นมาทันที  ซึ่งในปัจจุบันพระพุทธรูปที่ว่านี้   ท่านจะไปสอบถามดูได้ที่วัดผาหนาม  อ.ลี้  จ.ลำพูนได้ตลอดเวลา
เป็นผู้นิรันตราย
            เรื่องนี้เกิดขึ้นคราวสร้างวิหารครอบพุทธบาทบนดอยผาหนาม  อ.ลี้  จ.ลำพูน  ขณะที่ท่านกับคณะศรัทธากำลังเดินลงดอย   พึ่งเดินได้ครึ่งทางก็มีหินกลิ้งลงมาตามทางที่ท่านกำลังเดิน  เสียงหินกลิ้งลงมาดังสนั่นสั่นไหว  คณะศรัทธาที่ตามท่านไปก็ได้เห็นต่างพากันกระโดดหลบอยู่ข้างทาง   และเรียกให้ท่านหลบหินที่กำลังกลิ้งมา  เมื่อหินกลิ้งลงมาจะถึงตัวท่าน   ท่านได้ใช้ไม้เท้าประจำตัวปักลงไป  หินที่กลิ้งลงมาก็หยุดเพียงแค่นั้น
แม้ตายก็ไม่เน่าเปื่อย
            สิ่งอัศจรรย์ที่หาดูไม่ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ  หลังจากท่านมรณภาพไปแล้ว  นับจากวันนั้นถึงวันนี้  ร่างกายที่ประดิษฐานอยู่ในโลงแก้ว ณ  หอเมรุวัดผาหนาม  ไม่มีอาการเน่าเปื่อย  ซึ่งผิดจากลักษณะสังขารทั่วไป  ยังคงรูปเป็นปกติ  อาการครบ  32 ทั้งผมขนเล็บไม่มีหลุดล่วงหลนเลย  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น